ดราม่าชุดไหว้

ดราม่าชุดไหว้ "ศาลพระพรหม" หลักหมื่น คนจีนจ่ายแพงจริงไหม แม่ค้าแจงเองมีอะไรบ้าง

ดราม่าชุดไหว้ กลายเป็นเรื่องราวดราม่าในโลกออนไลน์ เมื่อมีผู้โพสต์วีดีโอของเหตุการณ์ เวลาที่ “นักท่องเที่ยวชาวจีน” กำลังซื้อดอกไม้และชุดบูชาไหว้ “ศาลพระพรหม” แยกราชประสงค์ ราคากว่า 10,000 บาท กระทั่งทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงราคาดังกล่าว ว่าขายแพงเกินไปไหม พร้อมถามว่าเป็นการเอาเปรียบ นักท่องเที่ยวหรือไม่

จากเหตุการณ์ดังกล่าว แม่ค้าขายดอกไม้และชุดบูชาที่ปรากฏในคลิป เล่าว่า เมื่อตอนตรุษจีนก่อนหน้าที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวชาวจีนราว 10 คน มาถามไถ่ราคาดอกไม้และชุดบูชา โดยมีไกด์ชาวไทยช่วยแนะนำ ซึ่งแม่ค้าก็ได้ชี้แจงว่า มีดอกไม้และก็ชุดบูชาจัดเป็นชุดหลากหลายราคาให้เลือก ซึ่งนักเดินทางกรุ๊ปดังกล่าว ก็ตัดสินใจซื้อชุดบูชา ราคา 1,200 บาท จำนวน 2 ชุด, ชุดบูชา ราคา 900 บาท จำนวน 2 ชุด แล้วก็ชุดบูชา ราคา 600 บาท 2 ชุด

นอกเหนือจากนั้น ยังมีนักท่องเที่ยว 4 คนในจำนวนนั้น ต้องการปล่อยนกเขา จึงซื้อนกเขาจากร้านข้างๆคนละ 4 ตัว ราคาตัวละ 500 บาท รวมเงินที่นักเดินทางกลุ่มนี้จ่ายค่าดอกไม้, เครื่องบูชา แล้วก็นกเขาให้กับแม่ค้า เป็นเงินทั้งหมด 13,400 บาท

ดราม่าชุดไหว้ ราคากว่า 10,000 บาท
สำหรับในวันที่เกิดเหตุนั้น ดราม่าชุดไหว้ ระหว่างที่มีการพูดซื้อขายดอกไม้และเครื่องบูชาอยู่

ก็มีชายคนหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่กรุ๊ปนักเดินทางดังกล่าว จับโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิป เมื่อถามว่าถ่ายไปทำไม ชายคนดังกล่าวก็มิได้ตอบอะไร จนกระทั่งมาทราบอีกครั้งว่า คลิปดังกล่าว ได้ถูกโพสต์ลงในโลกโซเชียล จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า แม่ค้าเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ทำให้ชื่อเสียงเสียหาย ที่สำคัญคือทำให้ชื่อเสียงของเมืองไทย ได้รับผลกระทบไปด้วย

“ยืนยันว่าตลอดเวลากว่า 30 ปีที่ขายมา ไม่เคยเอาเปรียบนักเดินทาง มีการแจ้งราคาให้ดูแคตตาล็อกดอกไม้และชุดบูชา ให้กับนักท่องเที่ยวทุกครั้ง เพื่อประกอบการตกลง” แม่ค้าขายดอกไม้และชุดบูชา กล่าว

ทางด้านไกด์นำเที่ยวรายหนึ่ง เผยถึงเหตุดังกล่าวว่า หากวันไหนที่คนน้อย หรือวันนั้นมีดอกไม้ที่ดูสดเข้ามา ราคาจะขยับแพงขึ้นอีก รวมทั้งถ้าหากว่านักท่องเที่ยวบางคนเดินทางมาไหว้เอง มิได้ผ่านกลุ่มทัวร์ ราคาที่คิดออกมาก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง

ในเวลาที่ พลตำรวจตรี อภิชาติ สุริบุญญา รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้มีการกำชับผู้ค้าอย่าเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ต้องชี้แจงราคาดอกไม้และเครื่องบูชา กับนักเดินทางทุกหน ไม่เช่นนั้นจะจัดการตามกฎหมาย ซึ่งภายหลังที่กำชับไปก็ยังมิได้ มีการรับเรื่องร้องเรียนจากนักเดินทางแต่อย่างใด ซึ่งราคาดอกไม้และเครื่องบูชา ของร้านค้าที่อยู่บริเวณ นอกศาลจะมีราคาสูงยิ่งกว่า ร้านจำหน่ายในศาล ซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

อย่างไรก็ดี ประเด็นดังกล่าว ยังเป็นที่ถกเถียงกันต่อในโลกออนไลน์ โดยบางส่วนเปิดเผยว่า เคยไปไหว้เหมือนกันแต่ว่าราคาไม่ถึงหลักหมื่น ในช่วงเวลาที่บางส่วนบอก หลักหมื่นก็มีเช่นเดียวกัน ซึ่งราคาของแต่ละร้าน ก็จะไม่เท่ากัน แต่ว่าส่วนมากที่เห็นไปทางเดียวกันคือ ทุกร้านค้าควรติดป้ายราคา บอกให้ชัดเจน เพื่อความชัวร์ที่สุด

ศาลพระพรหม ราคากว่า 10,000 บาท

แม่ค้า โต้ปม ดราม่าชุดไหว้ ชุดไหว้ศาลพระพรหม หลักหมื่น แจงวันที่เกิดเหตุ ทำไม่สบายใจ

แม่ค้า โต้ปม ราคาดอกไม้ หลักหมื่น หลังคลิปแชร์ว่อน นักเดินทางจีน เจอฟาดราคามหาโหด ชุดไหว้ ศาลพระพรหม บริเวณแยกราชประสงค์ แจงวันเกิดเหตุ

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 28 เดือนมกราคม 2566 ที่ศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ รอบๆสี่แยกราชประสงค์ ผู้สื่อข่าวลงพื้นตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้คุยกับแม่ค้า ที่ขายดอกไม้ข้างหน้าทางเข้า พระพรหมเอราวัณ หลังจากมีคลิปว่อนโลกโซเชียลมีเดียว่า นักเดินทางจีน มาไหว้ศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ พบแม่ค้าไทยคิดราคาดอกไม้ สำหรับสักการะบูชาพระพรหมหลักหมื่น จึงเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

แม่ค้ารายหนึ่ง ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ตนเห็นคลิปดังกล่าว แล้วรู้สึกไม่สบายใจ ด้วยเหตุว่าเป็นคลิปที่เห็น เพียงแง่มุมเดียว ตนจำเหตุที่มีนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ มาไหว้บูชาพระพรหมได้ เกิดขึ้นในช่วงวันตรุษจีน เมื่อสัปดาห์ก่อน โดยเป็นนักเดินทางชาวจีนมาไหว้ 7-8 คน มีไกด์คอยนำเที่ยวแล้วก็ดูแลความสะดวกด้วย

แม่ค้า กล่าวต่อว่า ลักษณะของนักเดินทางกลุ่มนี้ มิได้มาไหว้สักการะบูชาพระพรหมธรรมดา แต่ว่ามาแก้บนด้วย ก็เลยได้บูชาหลายอย่าง ทั้งดอกไม้ ธูปเทียน หมากพูล ตุ๊กตานางกวัก ช้าง แล้วก็ปล่อยนก ซึ่งราคาของสำหรับไหว้บูชาพระพรหม มีหลายราคาแล้วแต่ลูกค้าจะตัดสินใจ

ถามว่า เครื่องสักการะพระพรหมแพงถึงหลักหมื่นหรือไม่

แม่ค้าให้ข้อมูลว่า “มีถึงหลักหมื่น” ซึ่งเป็นราคาที่ลูกค้าพอใจที่จะจ่าย อาทิเช่น นักเดินทางคนจีนบางกรุ๊ป อยากจะซื้อรูปปั้นช้างมากราบไหว้ บางตัวราคาหลักหมื่น หลักแสน แล้วแต่แบบ แล้วแต่ขนาด ซึ่งลูกค้าก็อยากจะได้ตัวใหญ่ ราคาก็จะสูงขึ้น ซึ่งพวกเขาก็จะทราบกันดีอยู่แล้ว

แม่ค้า กล่าวต่อว่า ดังนี้ ตนรู้สึกเสียใจที่มีชาวเน็ต แสดงความเห็นว่าแม่ค้าไทยเอาเปรียบนักเดินทาง ยืนยันว่า คลิปที่เผยแพร่ออกไป ทำให้แม่ค้าที่ขายของอยู่บริเวณดังกล่าว ได้รับความเดือดร้อน เพราะว่ามันไม่เป็นความจริงเลย

มีรายงานว่า จุดที่ขายดอกไม้จะมีด้านนอกบริเวณทางเท้า และข้างในรอบๆทางเข้าศาล ซึ่งทั้ง 2 จุด มีความต่างกันเรื่องการติดป้ายาคา ข้างในศาลจะมีการติดป้ายราคาอย่างชัดเจน โดยดอกไม้เริ่มต้นตั้งแต่ 50 บาท ไปจนถึงชุดละ 300 บาท

ด้าน นายกิตติภพ พงศ์พัทธ์พุทธิมา ไกด์ ที่พานักท่องเที่ยวชาวจีน มากราบไหว้สักการะบูชาพระพรหม บอกว่า ก่อนหน้าที่ผ่านมายังไม่เคยเจอเรื่องลูกทัวร์ถูกหลอก ซื้อดอกไม้ไหว้พระพรหมหลักหมื่นบาท

แต่ว่าบางคนก็ชอบจัดชุดใหญ่ หรือชอบมาแก้บน ก็จะจ่ายหนัก เพื่อแก้บนและไหว้ขอพรก็มี ซึ่งก็เป็นความพึงพอใจของนักท่องเที่ยว แต่ในฐานะที่เป็นไกด์ ก็จะชี้แนะให้นักเดินทางไปซื้อในศาล จะดีที่สุด เพราะว่ามีราคาป้ายแปะบอกไว้ชัดเจน

ศิลปะ

คุยเรื่องเมืองและศิลปะ กับรองผู้ว่าฯ “ศานนท์ หวังสร้างบุญ”

Highlight เทศกาล ศิลปะ

Colorful Bangkok 2022 เทศกาลศิลปะ แสงสี รวมทั้ง ดนตรีในกรุงเทพฯ จัดขึ้นในตอนพ.ย. 2565 – มกราคม 2566 นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “12 เทศกาลตลอดปีทั่วกรุงเทพฯ” มีเป้าหมายให้กรุงเทพฯ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง พร้อมการกระตุ้นยอดจำหน่ายให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ
ศิลปะไร้พรมแดน แล้วก็ ครอบคลุม ไปถึงงานสร้างสรรค์ที่หลากหลาย นั่นเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่กรุงเทพฯ ต้องรวบรวม รวมทั้ง ทำให้เข้าถึงทุกคนอย่างแท้จริง ซึ่งกรุงเทพฯ ต้องต้องให้การสนับสนุน รวมทั้ง สร้างความร่วมมืออย่างทั่วถึง พร้อมช่วยประชาสัมพันธ์งานต่างๆที่เกิดขึ้นในระหว่าง 3 เดือนของเทศกาลอย่างเต็มที่
หัวใจของ “Festival Economy” คือ ยกระดับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับศิลปะ กับ สร้างเศรษฐกิจให้กับเนื้อเมือง หรือ บริเวณต่างๆของกรุงเทพฯ ซึ่งการจัดเทศกาลจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ตลอดถึงการต่อยอดเศรษฐกิจในด้านต่างๆ

“กรุงเทพมหานคร” ถือเป็นเมืองหลวงที่มีสีสันมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทั้งยังในด้านอาหาร วัฒนธรรม และ ศิลปะ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาสัมผัสตลอดทั้งปี และก็ สร้างเม็ดเงินให้กับประเทศไทยอย่างมากมายมหาศาล แต่ว่าการระบาดของโรคโควิด-19 ก็ทำให้เมืองมากสีสันแห่งนี้ เงียบเหงาลงไปอย่างน่าเศร้าใจ การทำให้กรุงเทพฯ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

จึงกลายเป็น “เป้าหมายสำคัญ” ของชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการคนล่าสุดของกรุงเทพฯ เกิดเป็นเทศกาล “Colorful Bangkok 2022” ที่จัดขึ้นในตอนเดือนพฤศจิกายน 2565 – มกราคม 2566 ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “12 เทศกาลตลอดปีทั่วกรุงเทพฯ”

มีเทศกาลที่น่าสนใจตลอดทั้งปี เพื่อคนกรุงเทพฯ แล้วก็ นักท่องเที่ยว เหมือนกันกับการกระตุ้นยอดขายให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ

เทศกาล Colorful Bangkok 2022 เป็นความร่วมมือของเครือข่ายภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม และก็ ประชาชน ที่มาร่วมกันสร้างสรรค์งานศิลปะ ดนตรี แล้วก็ แสงสี เพื่อทำให้กรุงเทพฯ กลับมามีสีสัน แล้วก็ ชีวิตชีวาอีกรอบ

ซึ่งได้มีโอกาสพูดคุยกับ “ศานนท์ หวังสร้างบุญ” รองผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ผู้เป็นกำลังสำคัญของการจัดเทศกาลยิ่งใหญ่ ในช่วงปลายปีครั้งนี้

Colorful Bangkok 2022 เทศกาลศิลปะ แสงสี

กรุงเทพฯ เมืองแห่งสีสัน

“เกิดจากความท้าทายหลายอย่าง อาทิเช่น พวกเรา พึ่งผ่านวิกฤตโควิด-19 เราเพิ่งเปิดประเทศ เป็นปีแรกที่พวกเราจะได้ลอยกระทง เป็นปีแรกที่พวกเราจะได้ออกมาเจอหน้าคน และ เป็นปีแรกที่จะมีนักท่องเที่ยวเกิน 10 ล้านคน ผม มีความคิดว่า ทุกคนพร้อมใจอยากจัดอะไรบางอย่าง

ฉะนั้น หน้าที่เมือง คงไม่ใช่คนที่มาจัดอีกคนหนึ่ง แต่หน้าที่ของเมือง คงเป็นคนอำนวยความสะดวกมากกว่า เป็นคนดึงคนซ้ายมาเจอคนขวา ดึงคนหน้ามาเจอคนหลัง ดึงคนที่เก่งด้านไฟมาเจอคนเก่งดนตรี ดึงคนเก่งสถานที่มาเจอคนที่เก่งเรื่องการทำศิลปะ” ศานนท์ เริ่มอธิบาย

เทศกาล Colorful Bangkok 2022 เป็นเทศกาลศิลปะที่จัดครอบคลุมตลอดทั้ง 3 เดือน ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2565 – มกราคม 2566 เพื่อเปิดพื้นที่สาธารณะ จัดกิจกรรมให้คนกรุงเทพฯ คนจากจังหวัดอื่น และ นักท่องเที่ยว ได้สัมผัสงานศิลปะหลากหลายรูปแบบ ชมแสงไฟตามสถานที่สำคัญทั้งเมือง แล้วก็ สนุกสนานไปกับดนตรีที่จะจัดขึ้นในสวนสาธารณะของกรุงเทพฯ

ซึ่งนับว่าเป็นการร่วมมือกันของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวพัน รวมทั้ง มี กรุงเทพมหานคร เป็นผู้ช่วยเหลือประสานงาน รวมทั้ง ให้การสนับสนุน

“ผมว่า อันนี้เป็นบทบาทของ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเราก็ทำอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่พ.ย. ธ.ค. มกราคม เรา เชื่อว่า 3 เดือนนี้เป็น 3 เดือนที่สำคัญที่สุดของปี 2022 จนไปถึงต้นปี 2023 ด้วยเหตุว่า เป็นปีหัวเลี้ยวหัวต่อที่เราต้องดึงนักท่องเที่ยวให้ได้มากที่สุด แข่งขันกับเมืองอื่น

ด้วยเหตุว่า กรุงเทพฯ เรา มีอะไรที่มีสีสัน และก็ อาจจะไม่มีตอนไหนที่เมืองจะมีชีวิตชีวาได้เท่าตอน 3 เดือนนี้แล้ว” ศานนท์ กล่าว

ศิลปะ เชื่อมคน เชื่อมเมือง

ศิลปะไร้พรมแดน และก็ ครอบคลุม ไปถึงงานสร้างสรรค์ที่หลากหลาย อย่างเช่น จิตรกรรม กราฟิตี้ ร้องเพลง เต้นรำ ฯลฯ ซึ่งความหลากหลายของงานศิลปะนี้เอง ที่เป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่กรุงเทพฯ ต้องรวบรวม แล้วก็ ทำให้เข้าถึงทุกคนอย่างแท้จริง

ซึ่งศานนท์ ระบุว่า กรุงเทพฯ จำเป็นต้องให้การสนับสนุน แล้วก็ สร้างความร่วมมืออย่างทั่วถึง พร้อมกับช่วยประชาสัมพันธ์งานต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่าง 3 เดือนของเทศกาลอย่างเต็มที่

“ศิลปะกว้าง เพียงพอที่จะห่อหุ้มทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น แล้วพวกเราก็มั่นใจว่า ต้องมีสักเดือนที่เรา ให้ความใส่ใจกับสิ่งที่เป็น soft power พวกเรา พูดถึงอะไรที่จับต้องได้มามาก แต่ว่าบางทีศิลปะ ก็เป็นเรื่องที่จับต้องได้ยาก

เราในฐานะเมือง เรา จึงต้องดึงสิ่งที่จับต้องไม่ได้ มาเป็นธีมให้ได้ แล้วมันก็บางครั้งก็อาจจะเป็นจิตวิญญาณของหลายๆคน ผมมีความคิดว่า คนที่ขับเคลื่อนด้วยศิลปะมีเยอะมาก แล้วก็ สังคมก็ขับเคลื่อนด้วยการอยู่กันแบบนี้

โดยเหตุนี้ เมืองไม่ใช่สิ่งก่อสร้าง แต่เมืองคือผู้คน ผู้คนขับเคลื่อน และก็ มีจิตวิญญาณที่ห่อหุ้มด้วยศิลปะ และ ศิลปะก็เป็นส่วนหนึ่งที่เราต้องขับเคลื่อน และ ส่งเสริม” ศานนท์ ชี้

Highlight เทศกาล ศิลปะ

ศิลปะ เพื่อเศรษฐกิจของเมือง

“ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปากท้องต้องเดินตลอด เทศกาลอะไรแบบนี้ ก็เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น และ มันจะทิ้งคำถามบางอย่างเอาไว้มากกว่า อย่างตอนที่พวกเราจัดกรุงเทพกลางแปลง มันก็ทิ้งคำถามว่า แล้วอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในช่วงเวลานี้ เป็นอย่างไร

พอเราเห็นข้อนี้ พวกเรา ก็เอางานเทศกาลมาจุดประกาย พวกเรา เอางานเทศกาลมาทำให้คนเห็นว่า มันมีรูปแบบของการดูหนังแบบนี้ด้วย ผมว่า ก็คล้ายกัน Colorful Bangkok 2022 บางทีก็อาจจะเป็นตัวจุดประกายให้อุตสาหกรรมสตรีทอาร์ต อุตสาหกรรมละคร อุตสาหกรรมเทศกาลศิลปะชุมชน” ศานนท์ ระบุ

นอกจากการ “จุดประกาย” คำถามต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับงานศิลปะ และก็ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์แล้ว กรุงเทพมหานคร ก็วางเป้าที่จะยกระดับอุตสาหกรรมนั้นๆ พร้อมด้วยสร้างเศรษฐกิจให้กับเนื้อเมือง หรือ ย่านต่างๆของกรุงเทพฯ

ซึ่งการจัดเทศกาลที่เกิดขึ้น จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ตลอดถึงการต่อยอดเศรษฐกิจในด้านต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ ถือเป็นหัวใจของ“Festival Economy” ที่ต้องก้าวเดินต่อไป

“เรา คงไม่หยุดระดับเมือง เรา ต้องไประดับนานาชาติ แล้วพวกเราต้องไปในระดับโลก ผมว่า พวกเราต้องตั้งเป้าหมายแบบนั้น ผมมีความคิดว่า กรุงเทพฯ มีศักยภาพสูงมาก พวกเรา เชื่อเหลือเกินว่า ปีหน้า หรือ ปีต่อไป ยังไงเราต้องเป็นระดับโลก พวกเรา ต้องปักหมุดให้ทั้งโลกต้องมากรุงเทพฯ มันต้องเกิดขึ้นแน่” ศานนท์ กล่าวปิดท้าย

เอ๋ อัจฉรา เปิดใจครั้งแรก

"เอ๋ อัจฉรา" หลายโรครุมเร้า ไต-หัวใจวายเฉียบพลัน เปิดใจรอดตายปาฏิหาริย์

อดีตนางเอกจักรๆวงศ์ๆ เอ๋ อัจฉรา เปิดใจครั้งแรก หลังมีอาการป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ทรมานจนไม่อยากตื่น ล่าสุด รอดตายปาฏิหาริย์จากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน รวมทั้ง ไตวายเฉียบพลัน

อาการหนักถึงกับขนาดตาบอด แล้วก็ อะไรที่ทำให้เจ้าตัวกลับมาดำเนินชีวิตปกติได้ ผ่านทางรายการคุยแซ่บ Show ทางช่องวัน31 ที่มี เบนซ์ พรชิตา แล้วก็ บูม สุภาพร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

ได้ยินข่าวมาว่าพี่ เอ๋ ไม่สบาย ย้อนกลับไปมีโรคอะไรบ้าง?

เริ่มตั้งแต่เป็น SLE ก่อน เท่าที่รู้กัน เรา ไม่สามารถที่จะหาสาเหตุมันได้ แต่ว่าเป็นโรคที่สามารถกระทบกับทุกส่วนของร่างกายได้ แล้วมันก็ขึ้นสมอง ทำให้เส้นเลือดสมองตีบ ผ่าสมอง แล้วมันมาเกาะที่หัวใจ ทำให้หัวใจหัวใจวายเฉียบพลัน เรา ก็จำเป็นต้องใส่ขดลวดหัวใจ ล่าสุด ก็คือลงไต

พี่เอ๋ทราบตอนไหนว่าเป็น SLE?

ในช่วงเวลานั้นที่ถ่ายแบบเยอะๆที่ประตูน้ำ มันก็ 20 กว่าปีแล้ว ขณะนั้น พี่เริ่มเป็นปีกผีเสื้อ เป็นผื่น ตอนแรก มีความคิดว่า แพ้แดด

แต่พอมันเป็นหนักขึ้นเริ่มปวดตามข้อ ข้อเริ่มบวม ก็เริ่มไปตรวจหาสาเหตุที่ละเอียดขึ้น ถึงได้พบว่า เป็น SLE ซึ่งตอนนั้น ก็ไม่รู้เรื่องหรอกว่า SLE คืออะไร แต่รู้ว่า มันเป็นโรคพุ้มพวง แพ้ภูมิตัวเอง

สิ่งที่พวกเราจะต้องดูแลตนเองขณะนั้นอย่างไรบ้าง?

เวลานี้ ยังไม่น่ากลัว แค่รู้ว่าเป็นผื่น แต่พออยู่นานไป มันทำให้เกิดผลกระทบต่อไต ต่อสมอง ทำไมเราหันไม่ได้ ทำไมเลือดไหลออกทางหู ทำไมเลือดกำเดาไหลตลอด ทำไมข้อถึงบวม

ในช่วงที่รู้ว่า ตัวเองเป็น จนเริ่มลุกลามไปที่อื่นๆ มันใช้เวลาขนาดไหน เราดูแลรักษาอย่างไร?

ก็ดูแล ตามที่หมดว่า แต่เนื่องจากว่า เป็นช่วงเราหารายได้เยอะ อะไรที่เป็นเงินทำหมด นอนน้อย นอนในรถตู้ ถึงเวลาขึ้นเวที เราขึ้นเวที ว่าจะเสร็จตี 2-3 แล้ว 7 โมงเช้า นัดหมายกองถ่ายละคร ตอนเย็นแคทวอร์ก เดินแบบ ถ่ายแบบ ดูแลตัวเองน้อยมาก

แล้วอาการอื่นๆ เริ่มจากที่รู้ว่า เป็น SLE พอมันเริ่มไปที่หัวใจ ไปสมอง ไต เป็นกี่ปี?

พอมันเป็นเยอะ เราจะต้องให้เลือด เม็ดเลือดขาวมันจำเม็ดเลือดแดงไม่ได้ มันก็จะกิน พอมันกินกัน เราก็ต้องให้เลือดพอให้เยอะๆเชื้อโรคแฝงที่อยู่ในเลือด มันไปกระตุ้นมะเร็ง ทุกคนมีเชื้อมะเร็งหมดเลย แล้วเผอิญพี่แจ็คพอร์ตหน่อย ไปพบเชื้อโรคที่มันเป็นเชื้อแฝง มันกระตุ้นโรคมะเร็งขึ้นมา กลายเป็นโรคมะเร็งเม็ดเบือดขาว

ในขณะรักษามะเร็ง มันก็ขึ้นสมอง ทำให้เส้นเลือดก้านสมองมันตีบ หันไม่ได้ มีเลือดกำเดาไหลตลอด ช่วงแรก เข้าใจว่า เราตกหมอน ปวดคอ จนถึง 1-2 วัน เริ่มมีเลือดกำเดาไหลมากขึ้นเรื่อยๆ มีเลือดไหลที่หู ถึงได้ไปตรวจ หมอบอกว่า เกิดจาก SLE ก็เลยผ่าตัดสมองด้วยการเลเซอร์

และก็ จากนั้นเกล็ดเลือดต่ำ มันไปกินเกล็ดเลือด หลังจากที่เรารักษามะเร็งแล้ว ต้องให้ยา ให้เลือด ทำคีโม เกิดการแพ้อะไรอย่างนี้ พอแพ้ เขาก็ให้เม็ดเลือด กลายเป็นกินเม็ดเลือด พอเม็ดเลือดเราน้อย ปกติคนเรามีเม็ดเลือด 150,000-450,000 แต่ว่าของพี่เหลือประมาณ 9,000 เขาเลยจำเป็นต้องตัดม้าม ตัดไส้เมตรกว่า

แพทย์ได้บอกไหมว่า ตัดทำไม?

เอาเขาออกไป เพื่อเกร็ดเลือดเราคงที่ พี่ก็ไม่ทราบเช่นกันว่า ระบบมันเป็นยังไง แต่ว่าแพทย์ บอกว่า มันเป็นโอกาสสุดท้าย

เอ๋ อัจฉรา

2 ปีที่ผ่านมาพี่ เอ๋ ก็มีสภาวะซ้อนขึ้นมาอีก ไตวาย?

ไตวายเฉียบพลัน กับหัวใจวายเฉียบพลัน พร้อมกัน คือมันไม่ได้มีลักษณะอาการแบบเธอกำลังตัวร้อนนะ กำลังเป็นไข้นะ ไม่มีเลย เข้าห้องน้ำตี 3 กว่า คือล้มไป หลังจากนั้นไปรู้สึกตัวอีกทีที่โรงพยาบาล เขาปั๊มหัวใจ แล้วฉีดยากระตุ้น ถึงได้รู้สึกตัว แล้วทำขดลวด และจากนั้นก็ย้ายไปสถาบันไตภูมิ เพื่อไปฟื้นไต ให้ไตทำงาน

ในเวลานั้น บวม 78 กิโล มันไม่ขับออก ร่างกายตรงไหนที่มีรู จะมีท่อหมดเลย ยกเว้นหู ส่วนที่ไม่มีท่อก็โดนเจาะให้ ให้อาหารทางสาย ฟอกไต กระตุ้นไต มันจะมีตอนนึงที่กลับมาอยู่บ้านแล้ว เวลาออกไปไหน หลายคนถาม ท้องหรอ กี่เดือน ก็เลยให้ดู เลย มันบวมน้ำ

ใช้เวลารักษาที่ไตวาย หัวใจวาย นานไหม?

19 ส.ค. ปี 64 จนกระทั่งต้นเดือนพ.ย. 3 เดือนที่อยู่บนเตียง ไม่ได้ไปไหน ใช้แพมเพิสเป็นห้องน้ำ

อัปเดตนิดนึงในบรรดาทุกโรค?

ไต หัวใจ โรคเบาหวาน ความดัน

อะไรที่ทำให้พี่ยิ้ม คุยเล่น ทำเหมือนฉันไม่มีโรคเลย?

ยอมรับความจริง ปล่อยวาง การจัดการความจริง อ่อ มันเป็นแบบนั้นเอง รู้จักมันให้ได้ บริหารความทุกข์ให้เป็น แล้วเป็นสุขเอง ก่อนหน้า พี่ใจร้อนไม่ค่อยยอมใคร ตอนนี้ รู้สึกว่า เขาเป็นของเขาแบบนั้น เราก็ปล่อยเขาไป

ทุกๆวันนี้ ต้องดูแลตนเองอย่างไร ความคิดเปลี่ยนไปจรากเดิมเลยไหม?

ต้องดูแลตัวเองมากเป็นพิเศษ บางวันเห็นพี่อย่างนี้ ไม่แน่ตื่นมาบวม หน้าเบี้ยว ถ้าเกิดเรานอนบนหมอนแล้วหน้าเราบวมขึ้นมามัน ก็จะเป็นพระจันทร์ครึ่งเสี่ยว ต้องดูแลตนเองมากตรงนี้ 1.รับประทานยาตรงเวลา 2.ออกกำลังกายเท่าที่ออกไหว พักผ่อนเพียงพอ ไม่เครียดรู้จักปล่อยวาง

ยังจะต้องคุม SLE อยู่ด้วยใช่ไหม?

ใช่อันนี้สำคัญ ยังจะต้องกินสเตรอย ต้องให้ยาเคมีอยู่เป็นระยะๆ

พี่เอ๋ป่วยหนักถึงขนาดตาบอด?

มันขึ้นตา มันมีภาวการณ์น้ำตาลด้วย พอ SLE มันมา พี่ก็ไม่รู้ว่า ระบบของเชื้อโรคมันเป็นอย่างไร มันเริ่มจากตาบวม สักพักจมูก ปากเริ่มบวม ในระหว่างที่ตากับจมูกเริ่มบวม ตามันก็จะมองไม่เห็น จะค่อยๆบอด โดยที่มันไม่มีแผล ที่เรารู้จัก เพชรชรา เราไม่รู้เลย

ถ้าหากเราพบท่าน เขามองกันอย่างนี้ แต่ที่จริงแล้วเขามองไม่เห็น พี่ก็เหมือนกัน มองอะไรไม่เห็น ทุกๆอย่างมืด นั่นแหละ ที่พี่ทำใจไม่ได้ แล้วเราจะได้เห็นลูกหรอ คือมองไม่เห็นเลย

แพทย์รักษายังไง?

เขาฉีดยาเข้าไปในตาเลย เหมือนในตาขาดอ็อกซิเจนด้วย ทุกอย่างก็รีบไปกระตุ้นตา ตอนเขาทำ เราก็รู้สึก แต่เขามียาชา เหมือนผ่าตัด บอลลูนหัวใจพี่ก็ไม่ได้วางยาสลบนะคะ แค่บล็อกหลัง เพียงแค่ทราบว่า ขั้นตอนมันเป็นอย่างนี้

ที่ไม่สามารถที่จะมองเห็นเกือบเดือน ในช่วงเวลานั้นทำยังไง?

มีพี่เลี้ยง มีเพื่อนที่คอยดูแล และก็โทรคุยกับลูก คุยกับแม่ แม่ก็จะมาเยี่ยม มาดูแล อยู่ใกล้แพทย์มากเลย เพราะ พี่กลัวตาบอดมาก

อันนี้รู้สึกแย่ที่สุด?

ใช่ๆ เนื่องจาก ตัดม้าม ทำอะไรเราไม่เห็น มันอยู่ข้างใน แต่เราสามารถมองเห็นความสวยงามของโลกนี้ได้ เราใช้ตา เราใช้การมองเห็น พี่มีความคิดว่า สายตาสำคัญ มันมองไม่เห็นอะไรแล้ว มันเป็นภาระคนอื่น

เอ๋ อัจฉรา เปิดใจครั้งแรกมะเร็งเม็ดเลือดขาว

มีแอบคิดเผื่อไหมว่าจะมองไม่เห็นตลอดไป?

พี่ไม่เคยท้อนะ พี่ไม่คิดมาก เป็นคนคิดบวก ถึงจุดจุดหนึ่งจะมีความคิดว่า ไม่มีอะไรสำคัญ เท่าการมีสุขภาพที่แข็งแรง ถ้าหากวันหนึ่งพี่ตาบอด พี่เลือกที่จะตายดีกว่า

ถ้าเกิดพี่ตาบอด พี่ไม่สามารถที่จะมองเห็นความสวยงามบนโลกนี้อีกแล้ว ได้แค่การสัมผัสไปจับ แล้วไม่ทราบว่ามันเป็นอะไร นอกจากไปชิม หรือ ถามคนอื่น มันไม่ใช่พี่

อันนี้เป็นเหตุผลที่พี่เคยคิดจะไม่อยู่ในโลกนี้?

ทุกครั้งเวลาเราไหว้พระ ขอพร สัจจะธรรมของเราเลย คือขอให้พรุ่งนี้ตื่นมาอย่างสมบูรณ์ แต่ตอนเรื่องตา รู้สึกว่า ไหว้พระทุกครั้ง จะต้องกล่าวว่า พรุ่งนี้หนูไม่ตื่นแล้วก็ได้ ถ้าหากหนูยังมีบุญอยู่ อย่าทรมานหนูอีกเลย หนูยอมแล้ว ลูกโตแล้ว การมองไม่เห็น มันทรมาน

เห็นกล่าวว่า เป็นเพราะคำพูดของลูกสาวด้วยที่ทำให้พี่อยู่ต่อ คำพูดนั้นคืออะไร?

ไม่มีแม่หนูอยู่ไม่ได้ แม่จะต้องดูแลตนเองนะ แม่ต้องเข้มแข็งนะ ไม่มีแม่หนูจะอยู่ยังไง

แพทริเซีย

"แพทริเซีย" ลุยเปิดอู่ปั๊มลูกแล้ว ยิ้มปลื้ม "โน้ต วิเศษ" คลั่งรัก ยิ่งแต่งก็ยิ่งหวาน

เรียกว่ายิ่งแต่งก็ยิ่งคลั่งรักสุดๆสำหรับ โน้ต-วิเศษ รังษีสิงห์พิพัฒน์ สามีของนางเอกสาว แพทริเซีย กู๊ด ที่ปัจจุบันถึงกับลบรูปภาพอินสตาแกรมทั้งหมด ให้เหลือแค่ภาพคู่เก็บไว้เป็นโมเมนต์ดีๆต่อหัวใจ

ล่าสุด แพทริเซีย ได้เดินทางมาร่วมงานเปิดตัว บริษัท มดแดง มีเดีย จำกัด ก็ได้ออกมาอัปเดตให้ฟังว่า ในขณะนี้ เดินหน้าเปิดอู่ปั๊มลูกด้วยวิธีธรรมชาติแล้ว ซึ่งถ้ามีข่าวดีที่แน่นอนเมื่อไร จะรีบออกมาบอกในทันที พร้อมเผยสามีดูแลดียังไง ก็ยังคงดูแลดีแบบนั้น เสมอต้นเสมอปลาย ไม่มีเปลี่ยนแปลง

แพทริเซีย โน้ต วิเศษ ลุยเปิดอู่ปั๊มลูกแล้ว

แพทริเซีย ใน IG โน้ต ลบรูปหมดเลย เหมือนรีสตาร์ทใหม่ เหลือแต่รูปของเรา ?

“ใช่ค่ะ ก็ตกอกตกใจเหมือนกัน ที่เห็นครั้งแรก เขาไม่ได้มาปรึกษาเลยค่ะ คือ เขาทำไปเรื่อย มาเห็นอีกครั้ง คือ รูปหายไป ออกจะเยอะ เขาบอก เขาไม่ได้ลบถาวร มันคือแค่ซ่อนไว้ เขาบอกเหมือนเป็นอีกขั้นใหม่ของชีวิตแล้ว แต่งงานแล้ว ก็ต้องการจะขอมองเพียงแค่อนาคต เขาพูดแบบนี้นะ”

พอเขาพูดอย่างนี้ เราชื่นใจไหม ?

“ก็รู้สึกดีค่ะ ที่เขาดูจริงจังกับอนาคต หรือ ชีวิตคู่ของเรา ก็ดีใจค่ะ เน้นทำงานดีกว่า ไม่ต้องเน้นโซเชียลอะไรเยอะแยะก็ได้”

แต่ว่าเขาก็เป็นดาว TikTok อยู่นะ ?

“จากที่เล่นขำๆ กลายเป็นคนชอบมาก เป็นอาชีพหลักไปแล้ว แล้วมาถ่ายหนูในช่วงเวลาที่หนูหน้าโทรมๆทุกครั้ง แต่ว่าก็ดีใจค่ะ ที่คนได้มองเห็น ชีวิตเราเป็นแบบนี้ อีกอย่างเหมือนได้เข้าถึงแฟนๆด้วยค่ะ สนุก”

ใน IG เหมือนเราใช้ชีวิตไฮโซหรูหรา แต่ว่าทางด้าน TikTok เหมือนได้เห็นอีกมุม ที่ใช้ชีวิตติดดิน ธรรมดาเลย ?

“เหมือน TiKTok จะธรรมชาติกว่า IG เนอะ IG ทุกๆอย่าง มันจะต้องดูสวยงาม หรือ เป๊ะตลอดเวลา จริงๆ เราก็เบื่อนะ ไม่ต้องเล่นก็ได้ แต่ว่าด้วยงาน มันเลยจำเป็นต้องเล่นค่ะ ก็นับว่าให้คนได้มองเห็นอีกมุมแล้วกันค่ะ ไม่ได้กะทำจริงจังนะ แต่เขาคงจะเห็นว่า ทำแล้วฟีดแบคดีค่ะ ก็เลยทำเรื่อยๆ”

มีอันไหนที่ขอไหม ว่าอันนี้หน้าไม่ไหวจริงๆไม่ลงได้ไหม ?

“แรกๆ มันจะมีแบบไม่ถ่ายได้ไหมวันนี้ ทำไมจะต้องยกกล้องถ่ายรูปตลอดเวลา บางครั้ง เรา ก็อยากจะสนุกกับโมเมนต์นั้นๆใช่ไหมคะ แต่หลังๆ มันห้ามไม่ได้แล้วไง หน้าสด คิ้วไม่มี หัวฟู เราก็ปลดปล่อยแล้วค่ะ”

แต่ว่าเราก็มั่นใจในความสด แต่ยังสวยของเรา ?

“ไม่ได้มั่นใจอะไรเลย แต่มันก็คือพาร์ทของชีวิตเรา”

สามีดูคลั่งรักเรามาก ?

“ก็ดูแลดีเหมือนเดิมค่ะ ในตอนนี้ คือ อยู่ด้วยกัน เจอกันทุกๆวัน ก็แฮปปี้ค่ะ แต่ว่าปัจจุบันนี้ เราก็ต่างคนต่างลุยงาน ให้กำลังใจกันและกัน”

ยิ่งแต่ง เขาก็ยิ่งดูคลั่งรักเรามาก ?

“ไม่หรอกค่ะ หนูว่าเขาเพียงแค่ต้องการชัดเจนว่า อยากโฟกัสอีกพาร์ทของชีวิตแล้ว ต่างคนก็โตแล้วเนอะ แต่งงานแล้ว ก็มาโฟกัสอนาคตกันเลยดีกว่า ไม่ต้องคิดอะไรเยอะมาก ไม่ต้องมองสิ่งที่ผ่านมา”

แพทริเซีย โน้ต วิเศษ

เขาเทคแคร์ แพทริเซีย มากยิ่งขึ้นกว่าเมื่อก่อนไหม ?

“เหมือนเดิมค่ะ คือเขาเป็นคนที่สม่ำเสมอมาก รักยังไงก็ยังรักอย่างนั้น ก็ขอให้เป็นอย่างนี้ไปนานๆ”

เราได้มีมุมแม่บ้าน ทำอาหารให้เขาทานบ้างหรือยัง ?

“ยังเลย พอเราทำงาน เขาก็แค่พูดว่า ยูขยันทำงานก็พอแล้ว ต้องการที่จะให้เรามีอะไรเป็นของตัวเอง สร้างเนื้อสร้างตัวให้เราภูมิใจ เขาขอเท่านี้จริงๆเลย ส่วนอาหาร ยังไม่ได้ทำค่ะ อย่าให้ทำเองเลย แต่ว่าถ้าเกิดให้ทำด้วยกัน ให้เป็นลูกมือก็ได้ เขาจะเป็นคนมักจะทำมากกว่า ตัวหนูจะมักจะทำขนมมากกว่าค่ะ ถ้าเป็นของคาวจะเฉยๆ”

หลังแต่งงาน เรารับงานตลอดเลย ไม่ได้พัก ?

“รับ (หัวเราะ) คือถ้าเกิดมีติดต่อมา เราก็รับอยู่แล้ว คือก่อนหน้านี้ การแข่งขันมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกวัน เราก็ต้องดึงตนเองเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่ละครอย่างเดียว หนูรู้สึกว่า ช่องทางที่คนเห็นเรา มันหลากหลายขึ้น หนูก็อยากทำงานให้มันหลากหลายขึ้นเช่นกัน ก็รับหมดค่ะ ถ้าเกิดมันตรงกับสิ่งที่เราต้องการทำ เราก็รับ”

รีบรับก่อนจะมีน้อง ?

“ใช่ ถูกเลยค่ะ คือเราแพลนไว้หมดแล้ว ถ้าหากน้องมาหนูออกมาบอกให้ทุกคนรู้แน่ๆค่ะ หนูต้องการให้มันชัวร์จริงๆ ก็วางไว้ว่าปีนี้ค่ะ เราปล่อยธรรมชาติเลย เอาเป็นว่าถ้ามีข่าวดีที่ชัวร์ๆ เดี๋ยวหนูจะมาบอกค่ะ ตอนนี้ก็แจ้งกองไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ กองก็รีบถ่ายค่ะ”

มีฝันอะไรที่เป็นมงคลว่าจะได้ลูกแล้วบ้างหรือยัง ?

“ไม่มีเลย ไม่มีฝันอะไรเลย ยังไม่ได้มีใครให้โดฟอะไรเลยค่ะ กินเยอะเหมือนเดิม ยังสนุกกับชีวิตมาก”

โน้ต วิเศษ คลั่งรัก ยิ่งแต่งก็ยิ่งหวาน

เรือนหอตอนนี้แพทริเซีย แพลนไว้อย่างไร ?

“เราอยู่ที่คอนโดค่ะ ก็อยู่ที่ที่พี่โน้ตอยู่อยู่แล้ว จริงๆ ที่มันก็ค่อนข้างพอ ถ้าเกิดเรามีน้อง ก็สามารถเลี้ยงสัก 2 คนที่นั่นได้สบายๆเลยคะ”

เราไปเบียดเบียนตู้ใส่เสื้อผ้าเขาเยอะแค่ไหนในตอนนี้ ?

“เขามีตู้เล็กๆ1 ตู้ ให้เรา ที่เหลือของเขาหมดเลย คือหนูยังไม่ได้ย้ายทุกอย่างเข้าไปค่ะ อย่างที่พูดว่า บางครั้งเรายังทำงาน ก็จะไปที่บ้าน ก็ยังอยู่กับคุณแม่ ตู้เดียวพอค่ะ หนูของไม่เยอะ แต่ว่าเขาบอกอาจจะตามอายุ พอเราโตขึ้น อาจเริ่มช้อปปิ้งมากขึ้น ในตอนนี้ บางทีอาจจะยังไม่ได้สนใจตรงนั้น”

แฝดเลยไหม ?

“ธรรมชาติ ไม่น่าจะแฝดอะ ที่บ้านหนูไม่มีใครเป็นแฝดเลย เพราะฉะนั้น ก็น่าจะคนเดียวค่ะ”

สามีบอกให้ใส่แหวน วันนี้ก็ไม่ใส่มาอีกแล้ว ?

“ลืม (หัวเราะ) คือรีบแต่งตัว แล้วเราเก็บในเซฟอะ จะลืมคัดออกมาตลอดเลย ไม่ได้ใส่ติดตัวค่ะ เราก็แอบกลัวนะ ไม่ได้เป็นอะไรที่ใส่เป็นประจำค่ะ คือคุยกันแล้วว่า ขอไปซื้อแหวนวงเล็กๆที่จะใส่แบบสบายๆดีกว่าค่ะ”

เขาจะงอนไหม ?

“ไม่งอนหรอก เราก็ลืมจริงๆอะ (หัวเราะ) หนึ่งเลยคือเราไม่ชิน เพิ่งจะได้ใส่ไม่ถึงเดือนเอง มันก็จะยังไม่ติดตัวขนาดนั้นค่ะ และ สองมันเป็นอะไรที่มีมูลค่า ถ้าเกิดมันหลวม อย่างเวลาหนูอยู่ที่เย็นๆ นิ้วจะเล็กลง ก็จะมีความระแวงมาก ก็เลยขอเป็นวงสำรอง ง่ายๆเดี๋ยวเราไปดูเองง่ายๆเลย แต่บางที เราทำงานก็ไม่สะดวกในการใส่อยู่แล้ว ดังเช่น ไปกองอะไรแบบนี้”

ฮันนีมูนหรือยัง ?

“คือมีทริปทุกเดือนเลยคะที่เราแพลนไว้ แต่เป็นทริปกับครอบครัว ยังไม่มีทริปของเราสองคนค่ะ”

อาเซียน คัพ

หัวร้อนทิ้งทวน! กล้องจับภาพได้ "โค้ชปาร์ค" โวยผู้ตัดสินหลังจบเกมพ่ายไทย

อาเซียน คัพ ยังคงเป็นประเด็นจนถึงจบทัวร์นาเมนต์สำหรับ ปาร์ค ฮัง-ซอ กุนซือชาวเกาหลีใต้ กับภารกิจการคุมทีมชาติเวียดนาม ในการแข่งฟุตบอลรายการ เอเอฟเอฟอาเซียนคัพ 2022 รอบชิงชนะเลิศ นัดสอง ที่สนามธรรมศาสตร์ รังสิต เมื่อวันจันทร์ที่ 16 ม.ค. ก่อนหน้าที่ผ่านมา

โดยผลของการแข่งขันอย่างที่รู้กันไปแล้วว่า “ทัพช้างศึก” ทีมชาติไทย เป็นฝ่ายเฉือน 1-0 ทำให้สกอร์รวมเอาชนะไปได้ 3-2 หยิบแชมป์ฟุตบอลอาเซียนคัพ 2022 ไปครองได้เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน รวมทั้งเป็นการคว้าชัยชนะรายการนี้ ได้เป็นสมัยที่ 7 ในประวัติศาสตร์

อย่างไรก็ตามหลังจากจบเกม อาเซียน คัพ สื่อเวียดนามได้เผยภาพ

กุนซือแดนโสมวัย 65 ปี ที่เดินปรี่เข้าไปหา จุมเป อิดะ ผู้ตัดสินชาวญี่ปุ่น เพื่อถามการตัดสินเกม หลังจากไม่สบอารมณ์ที่คิดว่า เป่าให้ลูกทีมของเขา ไม่ได้เปรียบตลอดทั้งเกม จนถึงท้ายที่สุดพ่ายไป 0-1 แต่ว่าก็ไม่มีเหตุบานปลายอะไร

สำหรับเกมนัดหมายนี้ถือเป็นการ ปฏิบัติภารกิจหนสุดท้ายสำหรับเพื่อการคุมทีมชาติเวียดนามของ ปาร์ค ฮัง-ซอ เป็นนัดหมายสุดท้าย หลังจากที่สัญญา จะหมดลงในช่วงปลายเดือนนี้ ซึ่งตลอดการคุมทีมในช่วง 5 ปี ผู้จัดการทีมฟุตบอลแดนโสม พาทีมคว้าชัยชนะอาเซียนคัพ 1 สมัย (ปี 2018), พาทีมชาติรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี คว้ารองแชมป์เอเชีย แล้วก็พาทีมผ่านเข้าถึงรอบ 12 ทีมสุดท้ายคัดบอลโลก 2022

ทีมชาติไทย แมสซี่

เหตุการณ์เหมือนเป๊ะ “ธีราทร” กับท่าฉลองทำประตู “เมสซี่” แต่ทำบางคนเดือด

ถือเป็นจังหวะที่ถูกพูดถึงอย่างมาก กับท่าฉลองการทำประตูได้ของ ธีราทร บุญมาทัน กัปตันทีมชาติไทย สำหรับการแข่งขัน ฟุตบอลอาเซียนคัพ 2022 รอบชิงชนะเลิศ นัดสอง เมื่อวันจันทร์ที่ 16 เดือนมกราคม ที่ผ่านมา โดยหลังจากที่ ตัวรุกตัวเก่งกดประตูสุดสวยให้ “ทัพช้างศึก” เป็นฝ่ายออกนำ เวียดนาม 1-0 ในตอนนาทีที่ 24 เจ้าตัว ก็วิ่งไปทำท่าดีใจกับท่า Siuuu ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตามสไตล์ ก่อนที่จะวิ่งไปกลางสนามแล้วทำท่าเอามือป้องที่หู

งานนี้ถึงกับทำให้ ปาร์ค ฮัง-ซอ โค้ชชาวเกาหลีใต้ เดือดหนักเดินออกมาชี้หน้าพร้อมทั้งฟ้องผู้ตัดสิน ให้ลงโทษหลังมองว่าเจตนายั่วยุตน แต่สุดท้ายก็ไม่มีเหตุบานปลายอะไร ซึ่งสาเหตุคงจะมาจากการที่ โค้ชแดนโสม ชอบออกมาพูดถึงแข้งไทยรายนี้อยู่ตลอด แถมได้กล่าวในงานแถลงข่าว ก่อนเกมว่ารู้ดีถึงความสามารถของ ธีราทร แต่ว่าจะสั่งลูกทีมตามเกาะติดหนักกว่าเดิม แล้วก็มีแผนในการ รับมือเอาไว้แล้ว ไม่น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด

งานนี้ทำให้หลาย ๆ คนคิดย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่ ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา เคยทำท่าป้องหูใส่ หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบ 8 ทีมสุดท้าย หลังจากที่ถูกวิจารณ์ว่ามีจุดบอด และก็จะสั่งลูกทีมตามปิดตายเช่นเดียวกัน

ในการได้แชมป์ของ ทีมชาติไทย สำหรับการแข่งขันฟุตบอลอาเซียนคัพ 2022 ถือได้ว่าเป็นการหยิบแชมป์มาครอง ได้เป็นสมัยที่ 7 ในประวัติศาสตร์ และก็ถือว่าสูงที่สุดที่ชาติ ในภูมิภาคในอาเซียนทำได้ หลังแข่งขันมาทั้งหมด 14 ครั้ง

เอเอฟเอฟอาเซียนคัพ 2022 รอบชิงชนะเลิศ

โดนหมายหัวแล้ว “โค้ชปาร์ค” ลั่นสั่งลูกทีมปิดตายหนึ่งแข้งไทยหลังป่วนจัดเกมก่อน อาเซียน คัพ

ปาร์ค ฮัง-ซอ ผู้จัดการทีมชาวเกาหลีใต้ของ ทีมชาติเวียดนาม ที่เดินทางไปร่วมงาน แถลงข่าวก่อนเกม ที่จะพาลูกทีมลงไปในสนามดวลกับ ทีมชาติไทย สำหรับการแข่งฟุตบอลรายการ เอเอฟเอฟ อาเซียนคัพ 2022 รอบชิงชนะเลิศ นัดสอง ที่สนามธรรมศาสตร์ รังสิต เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา

โดยในงาน โค้ชแดนโสมได้พูดว่า “ไม่ว่าจะเป็นเกมแรกหรือเกมสุดท้ายสำหรับการคุมทีม (หมายถึงว่านัดนี้จะเป็นนัดสุดท้ายสำหรับการคุมเวียดนาม) ผมมักจะเตรียมด้วยความคิดเดียวกันเสมอ นั่นคือทุ่มเทดังเดิม”

ในเวลาเดียวกันนี้เจ้าตัวยังได้ตอบสื่อถึงนักฟุตบอลตัวอันตราย ของทีมไทยว่า “หลายจังหวะที่อันตรายของพวกเขา มีเหตุที่เกิดจากนักฟุตบอลหมายเลข 3 (ธีราทร บุญมาทัน) เขาเป็นผู้เล่นคนสำคัญ ที่ทำเกมให้ทีมชาติไทย”

“ในนัดก่อนช่วงครึ่งแรกแดนกลางของเรา ได้รับคำสั่งให้ตามเกาะติดเขา ซึ่งก็ทำกันได้ดี แต่ว่าครึ่งหลังก็มีจังหวะที่พลาดบ้าง แต่ว่ากับเกมนี้แน่นอนเรามีแผนรับมือกับเขาเหมือนเช่นเคย” โค้ชปาร์ค กล่าวอย่างมั่นใจ

สำหรับสถานการณ์ของ “ทัพดาวทอง” พวกเขาหวังที่จะบุกเอาชนะ ทีมชาติไทย หรือเท่ากันที่สกอร์มากกว่า 2-2 ในรอบชิงชนะเลิศ นัดที่สอง เพื่อโอกาสได้แชมป์

ปาร์ค ฮัง ซอ เอเอฟเอฟอาเซียนคัพ 2022

นายกล้ามั้ย “โค้ชปาร์ค” ท้า “มาโน” เปิดเกมบุกสู้เพื่อให้สมศักดิ์ศรีแชมป์อาเซียน

ฝ่ายจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน จัดแถลงข่าวก่อนจะมีการแข่งขัน รอบชิงชนะเลิศ นัดที่สอง คู่ระหว่าง ทีมชาติไทย กับ ทีมชาติเวียดนาม ตอนวันที่ 14 มกราคม 2566 เวลา 17.45 น. ที่ห้องแถลงข่าว สนามธรรมศาสตร์

ปาร์ค ฮัง-ซอ หัวหน้าผู้ฝึกสอน ทีมชาติเวียดนาม บอกว่า “บางคนกังวลภายหลังเกมแรก เนื่องจากว่าเวียดนามเสียเปรียบ แต่เรามาตรงนี้เพื่อชนะ เราพยายามทำเพื่อแฟนๆ ของเรา เราได้แข่งกับไทยมาหลายเกม ในปี 2018 ผมเอาชนะได้ ผมเชื่อเสมอว่า เราสามารถชนะทีมชาติไทยได้ และก็ผมบอกไปหลายคราวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเกมแรก หรือเกมสุดท้ายผมมักจะเตรียมตัวอย่างเดิม ทุ่มเทเหมือนเดิม”

“ด้วยเหตุนี้เกมนี้ผมอยากให้ ทีมชาติไทยเล่นอย่างดุดัน ด้วยการเปิดเกมบุก นั่นเป็นการพิสูจน์ว่าพวกเขาสมควร ได้รับชัยชนะ ไม่ใช่เพียงเนื่องจากสองประตูที่ทำได้ที่ มี ดินห์ สเตเดี้ยม”

“ผมมั่นใจว่าพวกเขาคงไม่ต้องการที่จะอยากเสมอ พวกเขาตั้งใจที่จะชนะ คว้าชัยชนะด้วยชัยที่มอบให้กับแฟนๆ ของเขา ผมไม่เข้าใจว่าทำไมไทย ถึงใช้กองหลังตัวกลางสามคนในเลกแรก ที่ผ่านมาพวกเขาใช้กองหลังสี่ตัว อาจเป็นเพราะความกดดันในเกมเยือน อาจเป็นเพราะเวียดนามทำให้พวกเขาเปลี่ยนไป หวังว่าในบ้านไทยจะใช้ 4 กองหลังเหมือนนัดที่แล้ว ถ้าเกิดไทยเล่นรุก เราก็เล่นรุกด้วย”

“ขั้นตอนแรก ผมต้องการจะขอบคุณแฟนๆ ที่ เกาหลีใต้ บ้านเกิดของผม ในช่วงที่ผมทำงานในเวียดนาม ผมได้รับความสนใจ พวกเขาช่วยให้ผมเกิดกำลังใจสำหรับในการทำงาน ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ผมหวังว่าในอนาคต ผมจะมิได้ทำงานเป็นโค้ชอีกต่อไป ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนาม และเกาหลีจะยิ่งเพิ่มสูงมากขึ้นไปอีก”

 

เสี่ยเบนท์ลีย์

เสี่ยเบนท์ลีย์ ปิดค่างวดให้ปาเจโร ชดใช้คู่กรณีรวมกว่า 2 ล้าน จ่ายให้กู้ภัยอีก 8 แสน

เสี่ยเบนท์ลีย์ ชดเชยเยียวยาคู่กรณี ปิดค่างวดให้ปาเจโร รวมกว่า 2 ล้านบาท จ่ายให้กู้ภัยอีก 8 แสน จากกรณี รถยนต์เบนท์ลีย์ซิ่งบนทางด่วนฯ ไปชนรถยนต์ปาเจโร จนกระทั่งทำให้มีผู้บาดเจ็บ 8 ราย ตอนวันที่ 8 เดือนมกราคม ที่ผ่านมา

ปัจจุบัน มีรายงานว่า พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจทางด่วน 1 ได้เรียกคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายมาไกล่เกลี่ยกัน จนกระทั่งมีข้อสรุป โดย นายสุทัศน์ สิวาภิรมย์รัตน์ หรือ เสี่ยจั๊บ คนขับรถเบนท์ลีย์ ยินยอมชดเชยค่าสินไหมให้กับคู่กรณี รถมิตซูบิชิปาเจโร ให้ นายศราวุธ 29,767 บาท นางสาวณิชชาวีณ์ 30,419 บาท นางวรพรรณ 65,820 บาท นายสมรักษ์ 570,000 บาท นางสาวธนานิษฐ์ 127,976 บาท และก็เด็กชายปน (นามสมมติ) 22,034 บาท

เสี่ยเบนท์ลีย์ ยังมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับทรัพย์สินอีก 374,900 บาท รวมกว่า 1,220,916 บาท

ตลอดจนเปลี่ยนสัญญาเช่าซื้อเป็นชื่อคู่กรณี และก็ให้คู่กรณีจ่ายค่าปิดงวด กับไฟแนนซ์ทั้งหมด รวมค่าชดเชยทั้งหมด กว่า 2,000,000 บาท ซึ่งการจ่ายค่าเยียวยานี้วันศุกร์ที่ 13 มกราคม ส่วนทางกู้ภัย คนก่อเหตุยอม ชดใช้ค่าเสียหาย 800,000 บาท ซึ่งจ่ายค่าเยียวยาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม ก่อนหน้านี้

เสี่ยเบนท์ลีย์ชนสนั่น 3 คัน ซิ่งบนทางด่วน ปาเจโร่ตีลังกา 6 ชีวิตรอดตาย “สุทัศน์ สิวาภิรมย์รัตน์” เศรษฐี ใหญ่อดีตนายทุนพรรคการเมือง ซิ่งเบนท์ลีย์บนทางด่วนจี้ท้ายรถ กระบะดับเพลิง อปพร.บางรัก ขณะ วิ่งไปเหตุไฟไหม้ ก่อนตบเข้าเลนซ้ายสุด เพื่อแซงปาเจโร่ป้ายแดงวิ่งอยู่เลนกลาง รวมทั้งจะตบเข้าขวาขึ้นหน้ารถดับเพลิง แต่ว่าไม่พ้นชนปาเจโร่ หมุนไปขวางกระบะดับเพลิง ชนเต็มแรงจนกระทั่งหงายท้อง โชคดีคนภายในรถยนต์ 6 คน คาดเข็มขัดนิรภัย เจ็บสุดเพียงแขนหัก

ส่วนคนบนรถดับเพลิง 2 คน เจ็บนิดหน่อย หลังเกิดเหตุ พยานระบุสุทัศน์มีอาการคล้าย มึนเมา ในรถยนต์มีไวน์เปิดดื่มไปนิดหน่อย และก็ไม่ยอมรับเป่าวัดแอลกอฮอล์ สุดท้ายยอมรับชดเชยคู่กรณีทั้งหมด ขณะตำรวจแจ้ง 2 ข้อหาพร้อมพาไปตรวจเลือดหาปริมาณแอลกอฮอล์ที่ รพ.ตร.

เสี่ยใหญ่เจ้าของหลายธุรกิจซิ่งรถหรูพุ่งชนสนั่น บนทางด่วนครั้งนี้เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 8 ม.ค. พันตำรวจโทพิเชษฐ์ ก้อนแพง รอง ผู้กำกับการ (สอบสวน) งานศูนย์ควบคุมจราจรด่วน 1 กก.2 บก.จร. รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์ชนกัน 3 คัน มีคนได้รับบาดเจ็บหลายราย บนทางพิเศษเฉลิมมหานคร หลักกิโลที่ 21+1001+100B มุ่งหน้าดินแดง แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม. ไปตรวจพร้อมมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุเป็นถนน 3 เลนพบรถยนต์หรูยี่ห้อเบนท์ลีย์

รุ่นคอนติเนนตัล จีที สีเทา ทะเบียน 7 กค 3822 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ทางซ้ายสุด มีร่องรอยเฉี่ยวชนที่หน้ารถฝั่งขวา ในรถบริเวณเบาะหลังฝั่งซ้าย พบขวดไวน์เปิดดื่มไปแล้วเล็กน้อย ใกล้กันเลนกลาง พบรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีดำป้ายแดง ทะเบียน ณ 3830 กรุงเทพมหานคร สภาพหงายท้องล้อชี้ฟ้า มีร่องรอยถูกชนท้ายด้านซ้าย และก็ด้านหน้ากระจกแตกทุกบาน ถุงลมนิรภัยทำงานอยู่ ห่างออกไปพบรถปิคอัพดับเพลิง อปพร.บางรัก ทะเบียน ถธ 1861 กรุงเทพมหานคร สภาพหน้ารถพังยับ ดังนี้มีผู้ที่บาดเจ็บ 4 ราย ที่นั่งมาในรถยนต์มิตซูบิชิ นำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง รวมทั้งเจ้าหน้าที่อาสาสมัครดับเพลิงชายอีก 2 คน บาดเจ็บเล็กน้อย

ช่วงเวลาเดียวกันกล้องหน้ารถของพลเมืองดี จับภาพช่วงเวลาที่รถยนต์ยี่ห้อเบนท์ลีย์ สีเทา ขับมาด้วยความเร็ว แซงซ้ายแล้วเบี่ยงขวา ก่อนจะพุ่งเข้าชนท้ายรถมิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีดำ ที่วิ่งอยู่เลนกลาง จนรถยนต์มิตซูบิชิ เสียหลักหมุนพุ่งเข้าชนขอบทางด้านขวาสุด ก่อนรถกระบะดับเพลิง อปพร.บางรัก ที่ขับอยู่ช่องทางขวาด้วยความเร็วพุ่งชนซ้ำ ขณะรีบไปเหตุไฟไหม้ย่านอุดมสุข จนรถยนต์มิตซูบิชิพลิกคว่ำล้อชี้ฟ้า เสียหายพังยับ

นายอิทธิพล ประสงค์ทรัพย์ อายุ 35 ปี เจ้าหน้าที่อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยมัสยิดฮารูณ คนขับรถดับเพลิง อปพร.บางรัก เผยว่า ก่อนเกิดอุบัติเหตุมีรถเก๋งหรูวิ่งตามมา ก่อนแซงซ้ายแล้วหักเข้าเลนกลาง แล้วมาขวาสุดเพื่อจะมาแซงหน้ารถยนต์ตนอีกทีหนึ่ง แต่ว่าไม่พ้นไปชนท้ายรถยนต์มิตซูบิชิจนเสียหลัก มาเลนขวาและถูกตนพุ่งชนซ้ำ มีคนเจ็บหลายคน

เช่นเดียวกับนายอานนท์ ศรีสุวรรณากุล อายุ 44 ปี เจ้าหน้าที่อาสาสมัคร บอกว่า สังเกตอาการคนขับรถหรู มีอาการมึนเมาเดินลงจากทางด่วน ไปเรียกรถแท็กซี่เพื่อจะหนี แต่ว่ามีอาสาที่รู้เหตุการณ์ได้ขับรถตามรถแท็กซี่ไป จนถึงที่โรงพัก นอกจากนี้ขณะรอสอบสวนกับตำรวจพยายามเดินเข้าห้องน้ำ แล้วเดินออกหลังห้องน้ำ เพื่อจะหนีอีกครั้ง สุดท้ายถึงกล่าวว่าจะรับผิดชอบความเสียหาย ที่เกิดขึ้นทั้งหมด

ปิดค่างวดให้ปาเจโร

ส่วนนายศราวุธ รีรักษ์ อายุ 37 ปี คนขับยนต์มิตซูบิชิ รุ่นปาเจโร่ ป้ายแดง

กล่าวว่า พาครอบครัวทั้งหมด 6 คน เป็นผู้ใหญ่ 5 คน เด็กอายุ 4 ขวบ 1 คน ตนเป็นผู้ขับ มีพ่อนั่งด้านข้างเจ็บแขนหัก ถัดมาแถวสองเป็นแม่ หลานชาย 4 ขวบ แล้วก็แฟน ส่วนน้องสาวนั่งอยู่ด้านหลัง ออกจากบ้านพักย่านทุ่งครุ ขึ้นทางด่วนมุ่งหน้าลงดินแดง เพื่อจะกลับบ้าน จังหวัดบึงกาฬ ขับเลนกลางมาตามปกติ ใช้ความเร็วประมาณ 90 กม./ชั่วโมง

ถึงจุดเกิดเหตุ รู้สึกโดนชน เหตุเกิดขึ้นเร็วมาก หลังจากรถยนต์คว่ำพยายามตั้งสติ ช่วยทุกคนออกมาจากรถยนต์ ที่รอดมาได้เพราะทุกคนคาดเข็มขัดนิรภัย มีพ่อคนเดียวที่อาการหนัก คือแขนซ้ายหัก รักษาตัวอยู่โรงพยาบาล ส่วนคนอื่นไม่ได้รับบาดเจ็บเท่าไรนักอาการปลอดภัย

ด้าน พ.ต.ท.พิเชษฐ์ เผยออกมาว่า เบื้องต้นจากการคุยคนขับรถเบนท์ลีย์ยอมรับผิด ยินดีจะชดเชยค่าเสียหายให้กับคู่กรณีทั้งหมด พร้อมแจ้งข้อหาขับรถประมาททำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์ กับขับขี่รถประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ จะเจ็บมากหรือเจ็บน้อยจะต้องรอแพทย์ประเมิน

แล้วต่อจากนั้นได้ส่งตัวผู้ขับไปตรวจเลือด ที่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อหาปริมาณแอลกอฮอล์ เป็นการตรวจที่ตามมาตรฐานมีความแม่นยำสูงกว่าการเป่า นอกเหนือจากนี้ประเด็นพบขวดไวน์อยู่ด้านในรถ ว่าเปิดหรือไม่เปิดนั้น

เจ้าหน้าที่สอบสวนไม่จำเป็นต้องตรวจสอบ เพราะคนขับขี่แสดงตัว และไม่ได้หลบหนี ไม่ต้องค้นรถยนต์ แล้วก็ตรวจคราบต่าง ๆ ถ้าเกิดผลตรวจเลือดจากโรงพยาบาล ออกมาว่าผู้ขับขี่มีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกำหนด สามารถแจ้งข้อหาเมาแล้วขับเพิ่มได้

ทั้งนี้ ทางฝั่งรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร่ เจ็บทุกคน หนักสุดแขนหักอยู่ระหว่างรักษาที่โรงพยาบาล ส่วนคนอื่น ๆ บาดเจ็บนิดหน่อย เรื่องของการเจรจาไกล่เกลี่ย มีทนายความของฝั่งรถยนต์มิตซูบิชิได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่สอบสวนแล้ว เช่นเดียวกับฝั่งรถดับเพลิง มีตัวแทนติดต่อมาแล้วเช่นเดียวกัน

กู้ภัย 8 แสน

รายงานข่าวแจ้งว่า ผู้ขับขี่รถหรูเบนท์ลีย์ คือนายสุทัศน์ สิวาภิรมย์รัตน์ มีชื่อเป็นกรรมการ 7 บริษัท ได้แก่

1.บริษัท ไทยวัฒนา แอสเซ็ท จำกัด ประกอบการซื้อขายที่ดิน

2.บริษัท ทัช มี ฟู้ด (ไทยแลนด์) จำกัด จำหน่ายอาหารสำเร็จรูป

3.บริษัท เบเนฟิท ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ขายปลีกวัสดุก่อสร้างอื่นๆ

4.บริษัท เมก้า เวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ประกอบการขายปลีกวัสดุก่อสร้างอื่นๆ

5.บริษัท แมกซ์ เทรด จำกัด ประกอบการขายวัสดุก่อสร้าง

6.บริษัท หทัยราษฎร์ คอมเพล็กซ์ จำกัด ประกอบการตลาดสด และ

7.บริษัท เอกทวีสิน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ประกอบการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์อาคารสำนักงาน

นอกจากนี้ นายสุทัศน์ ในอดีตเมื่อช่วงเดือน เม.ย.62 มีข่าวเป็นนายทุนพรรคเศรษฐกิจใหม่ สมัยที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เป็นหัวหน้าพรรคด้วย

จิ๊บ คีตภัทร

แฟนคลับสุดคิดถึง เปิดภาพปัจจุบัน ‘จิ๊บ คีตภัทร’ นางเอกดังที่สวยเด่นไม่เปลี่ยนแปลง

จัดเป็นอีกหนึ่งดาราสาวสวยที่หลายท่านหลงใหลเธอหนักมาก สำหรับสาว จิ๊บ คีตภัทร อันติมานนท์ ที่ฝากผลงานสุดปังเอาไว้อย่างมาก เป็นต้นว่า กามเทพลวง, กว่าจะรู้เดียงสา, หมอผีไซเบอร์, เบญจา คีตา ความรัก อื่นๆอีกมากมาย หากแม้ในช่วงเวลานี้เธอจะไม่ค่อยส่งผลงานแสดงออกทางจอให้ได้เห็นกันเท่าไหร่ แต่บอกเลย แฟนคลับรักเธอ และคิดถึงหนักมาก

งานนี้เราเลยไม่พลาด เชิญชวนทำความรู้จักสาว จิ๊บ เบาๆและพาไปชมรูปสวยๆของสาวจิ๊บกัน ที่บอกเลยว่า คุณงาม หุ่นดี และเด่นไม่เปลี่ยนแปลงเลย โดยสาวจิ๊บเกิด|วันที่ 21 เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช 2527 เป็นนักแสดงชาวไทยในสังกัดดาราวิดีโอ และสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 จิ๊บ เป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ เป็นลูกสาวคนเล็กของครอบครัว อันติมานนท์ เป็นผู้แสดงสาวคนประเทศไทย ซึ่งเป็นน้องสาวของผู้แสดงฝ่ายชายเป็น จิม เจจินตัย แวนดิว

จิ๊บ มีการแสดงงานเรื่องแรก ได้แก่ กว่าจะรู้เดียงสา แสดงคู่กับ วี วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ เป็นที่รู้จักในบท แว่นทิพย์ ซึ่งเป็นนางเอกใน ละครหลังข่าว เรื่องแรกเมื่อในปี 2543 และละครเรื่อง เจ้าสัวน้อย และผลงานที่แสดงคู่กับ วี วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ อีกเรื่องหนึ่ง ละครเรื่อง ลูกหลง ทำให้ คีตภัทร เป็นผู้แสดงที่รู้จักกัน และเป็นที่รู้จักในสมัยนั้น ต่อมา คีตภัทร รับงานละครหลายๆเรื่อง และเป็นการสลับบทเป็นนางร้าย และเป็นนักแสดงที่มีคุณภาพ และมีความสามารถ ด้านการแสดงอีกคับคั่งนั่นเอง

โดยหลังจาก จิ๊บ เบาๆงานในวงการบันเทิงไป จากทางหน้าจอ ก็ทำเอาแฟนคลับนึกถึงหนักมาก พากันมาส่องไอจีของเธอ และบอกรัก บอกคิดถึง รวมถึงส่องชีวิตสุดปังของเธอ กันอย่างมาก

จิ๊บ คีตภัทร เปิดภาพปัจจุบัน

​​ทำความรู้จัก สวยเก่งครบสูตร จิ๊บ คีตภัทร อดีตนางเอกดังยุค 90

เป็นอีกหนึ่งศิลปินสาวสวย ที่ห่างหายจากวงการบันเทิงไปนานมากๆสำหรับ จิ๊บ คีตภัทรน้องสาวของศิลปินชายหนุ่ม จิม เจจินตัย อันติมานนท์ โดยทั้ง จิ๊บ และ เจจินตัย เป็นดาราหนังที่โด่งดังมากมายในสมัย 90 ถ้าหากใครเคยดูละครดังช่อง 7 อย่างเรื่อง เบญจา คีตา ความรัก หรือ กว่าจะรู้เดียงสา เชื่อว่าต้องคุ้นตา จิ๊บ คีตภัทรวันนี้ เราจะพามาทำความรู้จักจิ๊บ คีตภัทร กันอีกรอบ เผื่อผู้ใดที่ยังไม่รู้จัก หรือ จำสาวคนนี้มิได้

คีตภัทร อันติมานนท์ ชื่อเล่น จิ๊บ

กำเนิดเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2527

เป็นดาราหนังชาวในสังกัดดาราวิดีโอ และสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7

จิ๊บ คีตภัทรเป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ

เป็นลูกสาวคนเล็กของครอบครัวอันติมานนท์

จิ๊บ เป็นนักแสดงสาวคนประเทศไทยซึ่งเป็นน้องสาวของ ผู้แสดงฝ่ายชายเป็น จิม เจจินตัย อันติมานนท์

สำหรับเรื่องของการเข้าวงการบันเทิงของจิ๊บ คีตภัทร นั้น คุณเริ่มเข้าวงการสายบันเทิงไทย เป็นผู้แสดงในสังกัดดาราวิดีโอ และสถานีส่งสัญญาณโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7

และส่งผลงานเรื่องแรกดังเช่น กว่าจะรู้เดียงสา แสดงคู่กับ วี วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ เป็นที่รู้จักในบทบาท แว่นทิพย์ ซึ่งเป็นนางเอกในละครหลังข่าวเรื่องแรกเมื่อในปี 2543 และละครเรื่อง เจ้าสัวน้อย และผลงานที่แสดงคู่กับ วี วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ อีกหนึ่งเรื่องละครเรื่อง ลูกหลง ซึ่ง จิ๊บ มีผลงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้เธอเป็นผู้แสดงที่รู้จักกัน และมีชื่อในยุคนั้น และอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักคือเรื่อง เบญจา คีตา ความรัก ซึ่ง จิ๊บ รับงานละครหลายๆเรื่องและเป็นการพลิกบทบาทเป็นนางร้ายและเป็นดาราหนังที่มีคุณภาพ และมีความสามารถด้านการแสดงอย่างมากมาย

พักหลังๆเธอได้เฟดตัวออกจากวงการบันเทิง และยังทำงานมีธุรกิจส่วนตัว รวมถึงเธอยังมีธุรกิจส่วนตัวพร้อมกันไปด้วย และยิ่งกว่านั้น จิ๊บ ยังเป็นพาร์ทเนอร์ ร้านอาหารไทย ที่ชื่อ Noi Thai Cuisine Greenlake ที่ Seattle ประเทศสหรัฐอเมริกา อีกด้วย จำเป็นต้องกล่าวว่า สาวคนนี้ ทั้งสวย มากความสามารถ ครบสูตรจริงๆ

จิ๊บ คีตภัทร ปัจจุบัน

“จิ๊บคีตภัทร” จ่อฟ้อง! สับเละคนปล่อยข่าว นางเอก จ. กระทบครอบครัว-แฟน

หลังจากที่ผู้ใช้ ติ๊กต๊อก รายหนึ่ง ได้ออกมาเปิดเผยข้อความว่า “มีข่าวหลุด!! อดีตนางเอกดังช่องหลายสี แอบไปซื้อหนุ่มนอกวงการกิน แล้วโดนหนุ่มอัดคลิปแบล็กเมล์ เรียกเงิน 4 แสน ล่าสุดมีคลิปหลุดออกมา เร็วๆ นี้เจ้าตัวเตรียมแถลงข่าวแน่นอน”

ต่อมา ก็ได้โพสต์อีกว่า “โดนแล้ว! อดีตนางเอกดังช่องหลายสี ชื่อย่อ จ. เข้าแจ้งความเอาผิดหนุ่มนอกวงการ หลังขายคลิปตนเองที่กำลังมีอะไรกัน ให้กลุ่มลับกลุ่มหนึ่ง ในราคา 4 แสนบาท ซึ่งความยาวคลิปเต็ม 21 นาที เห็นหน้าตัวเองชัดเจน เลยทำให้เกิดความเสียหาย เจ้าตัวลั่นไม่ยอมความ พร้อมเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”

จนกระทั่งทำให้ชาวเน็ตแอบทายกันไป ต่างๆนานา ว่าอดีตนางเอกจ. ช่องหลายสีเป็นใคร ซึ่งหนึ่งในนั้นแอบมีคนผุดชื่อขึ้นมา ว่าใช่ “จิ๊บ คีตภัทร อันติมานนท์” นักแสดงสาวยุค 90 หรือไม่ ทำให้วันนี้ (13 เดือนมกราคม) เจ้าตัวต้องรีบออกมาอธิบายผ่านไอจี ว่าตนเองไม่ใช่คนภายในข่าวอย่างแน่นอน พร้อมจะดำเนินคดีตามกฎหมาย กับคนที่ทำให้ตนและครอบครัวได้รับความเสียหาย

“ขออนุญาตชี้แจงข่าวที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้นะคะ ว่าไม่ใช่จิ๊บแน่นอนค่ะ จากข่าวที่มีการใช้ชื่อหรือเจตนาใช้ภาพจิ๊บซึ่งทำให้ เกิดความเข้าใจผิดและเสียหายต่อตัวจิ๊บ ครอบครัว และแฟนเป็นอย่างมาก ซึ่งไม่เป็นความจริง ไม่ได้เกิดเรื่องและไม่ได้มีการไปแจ้งความดำเนินคดีใดๆ อย่างในข่าว จิ๊บมาหาครอบครัวที่อเมริกาเป็นเวลา 3 เดือนแล้วค่ะ อยากขอให้ทุกคนใช้วิจารณญาณในการเสพข่าวส่วนผู้ที่ทำให้จิ๊บและครอบครัวได้รับความเสียหาย จะขอดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อรักษาสิทธิและ ความถูกต้องให้ถึงที่สุด ขอบคุณทุกๆกำลังใจที่ส่งเข้ามานะคะ”

แจมิน ซาแซงแฟนรุมประชิดตัว

เอฟซีเดือด ซาแซงแฟนรุมประชิดตัวศิลปิน บินส่วนตัวที่สุวรรณภูมิ ดันแฮชแทกพุ่ง

เอฟซีเดือด ซาแซงแฟนรุมประชิดตัว แจมิน บินส่วนตัวที่สุวรรณภูมิ ดันแฮชแทกพุ่ง เรียกว่าเป็นประเด็นร้อนในโลกอินเตอร์เน็ตข้ามคืน
พุ่งติดเทรนด์อันดับ 1 ทวิตเตอร์ ทั้งยังติดเทรนด์ไปจนเช้าวันนี้ในท็อป 5 ยังไม่ลง เมื่อมีเหล่าซาแซงแฟน หรือ กลุ่มแฟน ๆ ที่คอยตามติดศิลปิน ลุกล้ำ แล้วก็คุกคามความเป็นส่วนตัว รวมไปถึงการสร้างความรำคาญให้กับศิลปิน จำนวนหนึ่งเข้าไปรุมศิลปินระหว่างเดินทางส่วนตัวคนเดียวที่สนามบินสุวรรณภูมิ

แจมิน

โดยในทวิตเตอร์ มีคลิปวิดีโอหนึ่งที่เผยแพร่ขณะที่แฟนคลับสายสิบคน เดินเข้าไปรุม แจมิน

ถ่ายภาพ ถือกล้อง ประชิดตัวศิลปิน ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้คนที่ใช้บริการในสนามบินที่ไม่เกี่ยวข้อง
เดินออกมาจากบริเวณดังกล่าว พร้อมระบุเนื้อความว่า “คือผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแต่ มันขนาดนั้นเลยหรอ รุมเขาโพดโพ มันเกินไป๊”

ทำให้แฟน ๆ จำนวนมาก ต่างไม่พอใจ แล้วก็ ติเตียนการกระทำดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการเผยในทวิตเตอร์
ว่ามีแอคเคาท์ทวิตเตอร์บางแอคเคาท์ นำเอาไฟล์ทบินของศิลปินมาขายต่อ ก่อนที่จะปิดแอคเคาท์หนี โดยมีทั้งไฟล์ทของ แจมิน ศิลปินในคลิปวิดีโอ แล้วก็ เหรินจวิ้น เพื่อนร่วมวง NCT Dream ที่เดินทางมาไทย พร้อมด้วย เตนล์ วง NCT สมาชิกชาวไทยที่เพิ่งจะเดินทางกลับเมื่อไม่กี่วันก่อน

ดังนี้ แฟน ๆ หลายท่านมองว่า การกระทำของซาแซงแฟนดังกล่าว เป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวของศิลปิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่างยิ่ง เมื่อปีที่ผ่านมา แจมิน พึ่งจะเดินทางมาร่วมคอนเสิร์ตรวมในประเทศไทย และประทับใจมาก โพสต์ภาพต่างๆ ลงในอินสตาแกรม เป็นภาษาไทย ว่า รักแฟน ๆ ชาวไทย

เอฟซีเดือด

โดยในตอนนี้ NCT Dream ศิลปินเกาหลีโด่งดัง

ที่มียอดจำหน่ายอัลบั้มกว่า 3 ล้านชุด และก็พึ่งประกาศทัวร์คอนเมืองไทย กำลังอยู่ในตอนได้หยุดพัก หลังจากที่ทำงานอย่างหนักตลอดทั้งปี โดยเพิ่งจะปล่อยเพลงปัจจุบันอย่าง Candy ออกมา การเดินทางมาเที่ยวที่เมืองไทยคราวนี้ ก็เป็นแบบส่วนตัว ซึ่งสื่อเกาหลียังไม่เคยรู้ และไม่มีการ์ดเดินทางมาด้วย รวมทั้งแฟน ๆ หลาย ๆ คนก็ไม่เคยรู้ ทำให้ผู้คนจำนวนมากรู้สึกแย่ที่ซาแซงแฟนมีพฤติกรรมดังกล่าว โดยยิ่งไปกว่านั้นอย่างยิ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความมีระเบียบเรียบร้อยในการต้อนรับแล้วก็ส่งศิลปินที่สนามบินมาโดยตลอด การกระทำครั้งนี้ก็เลยทำลายชื่อเสียงในประเทศ

ซาแซงแฟนรุมประชิดตัวศิลปิน

รวมทั้งมีการติดแฮชแทก #ซาแซง-เ-ีย จนพุ่งติดเทรนด์ทวิตอีกด้วย

ผู้คนจำนวนมากยังประณามแอคเคาท์ต่าง ๆ ที่นำเที่ยวบินของศิลปินมาขาย
โดยเห็นว่าเป็นการคุกคามความเป็นส่วนตัวศิลปิน รวมทั้ง คิดว่า ความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญ รวมทั้งสงสัยว่าคลิปดังกล่าวมาได้อย่างไร

15 ความจริงของ นา แจมิน รอยยิ้มของ NCT

Na Jaemin (นา แจมิน) หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักกันในนาม นานา หรือ แจมิน NCT ผู้ชายที่ทำให้ใคร ๆ ก็ต้องหลงเสน่ห์ แค่เพียงได้เห็นรอยยิ้มสวย ๆ ของเขาเท่านั้น

ซาแซงแฟนรุมประชิด

ประวัติ
ชื่อ : 나재민 -Na Jaemin (นา แจมิน)
เกิด : วันอาทิตย์ที่ 13 เดือนสิงหาคม 2000 (พ.ศ. 2543)
สูง : 177cm.
หมู่เลือด : AB
MBTI ISFJ-T
ยูนิต : NCT DREAM, NCT U
สังกัด : SM Entertainment
Instagram : @na.jaemin0813

แจมิน Na Jaemin

พอจะรู้จักแจมินกันมากขึ้นแล้ว พวกเรามาดูความเป็นจริง 15 ข้อที่ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยบางครั้งอาจจะยังไม่เคยทราบ เกี่ยวกับแจมินกัน

  1. แจมินเกิดที่จอนจู ในจังหวัดช็อลลาเหนือ ใกล้ ๆ ปูซาน แล้วมาโตที่โซลเลย แจมินเลยกล่าวสำเนียงโซล
  2. แจมินเป็นลูกคนเดียว และอยากมีน้องสาว (แจมินชอบให้คนเรียกว่าโอ้ปป้า เพราะว่าเวลามีคนเรียกเขาว่าโอ้ปป้า มันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก ๆ )
  3. ชอบศึกษาเรื่องรถ โดยยิ่งไปกว่านั้น Sport car
  4. ผลไม้ที่แจมินชอบทานมากที่สุดคือพีช และก็สัตว์ที่แจมินถูกใจที่สุดคือ สุนัข
  5. ทานผลิตภัณท์จากนมวัวไม่ได้ เนื่องจากร่างกายย่อยผลิตภัณท์จากนมวัวได้ไม่ค่อยดีนัก แถมยังไม่ชอบดื่มนมด้วยเพราะตอนเด็ก ๆ แม่บังคับให้ดื่มนมตลอด
  6. ทำอาหารเป็น แล้วก็ทำได้ดีด้วย
  7. ของกินที่แจมินถูกใจเป็น Fast food ต่าง ๆ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไก่ทอด พิซซ่า แล้วก็ของหวานต่าง ๆ
    ยกตัวอย่างเช่น เยลลี่ ช็อคโกแลต นมช็อคโกแลต และก็ ชาเขียว
  8. เครื่องดื่มที่แจมินถูกใจที่สุดคือ กาแฟ เพราะเหตุว่ารสขม ๆ ของกาแฟที่ทำให้เขารู้สึกตื่นตัว แจมินเลยดื่มกาแฟเพิ่ม Espresso 4 ช็อต 6 แก้วต่อวัน
    แต่ขณะนี้ลดเหลือเป็น 2 แก้วแล้ว ด้วยเหตุว่าแฟน ๆ เริ่มเป็นห่วงสุขภาพของแจมิน
  9. แจมินถูกใจสั่งชานมที่ความหวาน 100%
  10. เวลาต้มบะหมี่แจมินจะใส่ผักชีลงไปมากมายแบบผักชี 1 ถ้วย ต่อบะหมี่ 1 ชาม
  11. ถูกใจเล่นแบดมินตัน กระทั่งทำเป็นงานที่ทำในเวลาว่าง และกีฬาที่แจมินไม่ชอบเลยคือเล่นฮูลาฮูป
    ยิ่งกว่านั้นงานที่ชอบทำในเวลาว่างของเขายังมี ดูอนิเมะ ฟังเพลง ถ่ายรูป รวมทั้ง การซื้อเสื้อผ้าและรองเท้า
  12. ชอบถ่ายรูปมาก ๆ ทั้งยังแบบฟิล์มรวมทั้งแบบดิจิตอล แล้วเขาจะเอารูปที่ถ่ายมารีทัชด้วยตัวเองทั้งหมด ก่อนที่จะส่งให้เมมเบอร์แต่ละคน
  13. ถูกใจฤดูใบไม้ร่วงมากที่สุด ถูกใจฤดูใบไม้ร่วงก็จริง แต่แจมินก็เลือกที่จะออกไปภายนอกในวันที่แดดออก เนื่องจากเขาชอบอากาศแบบนั้นมากกว่า
  14. ต่อให้จะเป็นตอนกลางวันก็ตาม แจมินจะปิดมู่ลี่ในห้องไว้ตลอด ด้วยเหตุว่าเขาไม่ค่อยชอบแสง และแน่นอนว่าเขาก็ไม่ค่อยถูกใจให้ห้องนอนของตนมีแสงด้วยแบบเดียวกัน
  15. มีลำโพงอยู่รอบห้องนอนของเขาประมาณ 10 กว่าอัน เพราะเหตุว่าสิ่งที่แจมินชอบทำที่สุดเวลาพักผ่อนอยู่ที่หอพัก เป็นการนอนเฉย ๆ แล้วเปิดเพลงในห้องตัวเอง

หวังว่าทุกคนจะได้รู้จักแจมินกันมากขึ้น รวมทั้งหลังจากเริ่มวันด้วยรอยยิ้มสวย ๆ ของแจมินแล้วขอให้ทุกคนมีวันที่ดีนะคะ

เที่ยวบิน

รัฐบาลยอมปรับเกณฑ์คุมโควิด นทท. ต่างชาติ ยกเลิกตรวจหลักฐานวัคซีน หลังเอกชนท่องเที่ยวไม่พอใจ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีรวมทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
เปิดเผยว่าได้ยกเลิกมาตรการการตรวจเอกสารการได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว หลังจากภาคการท่องเที่ยว ขอให้ทบทวน คำสั่งดังกล่าวมีขึ้นหลังผู้โดยสารจำนวน 269 คน จากสาธารรัฐประชาชนจีน เที่ยวบิน แรก เดินทางถึงไทยแล้วเมื่อ 9 ม.ค. หลังจากจีนเปิดประเทศเมื่อ 8 เดือนมกราคม

นี่คือ ความเปลี่ยนแปลงปัจจุบันของมาตรการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่นายอนุทิน เผยระหว่างการแถลงข่าวที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อช่วงบ่าย หลังจากมาตรการชุดใหม่ที่ออกมาเมื่อวันที่ 5 ม.ค. มีผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติจากประเทศอื่น โดยผู้ประกอบการนำเที่ยวต่างชาติจากอังกฤษ กลุ่มสแกนดิเนเวีย เยอรมนี ฝรั่งเศส รวมทั้งรัสเซีย ต่างแสดงความกังวลผ่านมาทาง สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต, พังงา และก็กระบี่

นายอนุทิน กำหนดถึงเหตุที่คณะกรรมการด้านวิชาการ ภายใต้พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พุทธศักราช 2558 มีมติยกเลิกการตรวจเอกสารการได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติตามมาตรการที่ออกมาก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา เหตุเพราะมีความคิดเห็นว่า มีการฉีดวัคซีนอีกทั้งในไทยและก็จีนจำนวนมากแล้ว
รวมถึงประเทศอื่น ๆ ทั่วทั้งโลก ฉะนั้น การมุ่งเน้นการแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนจะมีผลให้เกิดความไม่คล่องตัว

ส่วน เที่ยวบิน ฏแรกที่มาถึงไทย เป็นเที่ยวบิน MF833 สายการบินเซียเหมินแอร์ไลน์

เดินทางจากเมืองเซี่ยเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ
เมื่อเวลา 12.50 น. ที่ผ่านมา โดยมีนายอนุทิน แล้วก็ รมว.ท่องเที่ยวฯ รัฐมนตรีว่าการ คมนาคม ให้การต้อนรับ

นายอนุทิน กล่าวรับรองว่า มาตรการต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนมีความเหมาะสม เน้นใช้มาตรการคุ้มครองโควิด-19 โดยใช้กฎเกณฑ์เดียวกันกับนักท่องเที่ยวสัญชาติอื่นด้วยหลักการเท่าเทียม ไม่แบ่งแยกจวบจนกระทั่งจะมีสถานการณ์จำเป็นจะต้อง รัฐมนตรีว่าการสาธารณสุข กำหนดเพราะว่า
วันนี้จะมีเที่ยวบินขาเข้าจากจีน 15 เที่ยวบิน รวมนักท่องเที่ยว 3,465 คน คาดการณ์ว่าตลอดทั้งปี นักท่องเที่ยวจีนจะเดินทางเข้าไทยผ่านทางท่าอากาศยาน 7-10 ล้านคน

ภาคการท่องเที่ยวแล้วก็บริษัททัวร์ต่างชาติกังวลอะไรบ้าง

สาระสำคัญในหนังสือที่สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตเสนอต่อรัฐบาล พล.อำเภอ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐผู้ปรึกษาราชการและรัฐผู้แนะนำว่ากระทรวงกลาโหม ลงวันที่ 7 ม.ค. ได้สะท้อนความเห็นจากบริษัทนำเที่ยวต่างประเทศโดยยิ่งไปกว่านั้นในทวีปยุโรป ที่แสดงถึงความกังวลอย่างสูงสุดต่อการปรับเปลี่ยนนโยบายการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทย

มาตรการ เที่ยวบิน

บริษัทนำเที่ยวประเทศอังฤษ

การประกาศดังกล่าวดำเนินการฉุกเฉินเกินไป ควรมีระยะเวลาแจ้งล่วงหน้า เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เริ่มเดินทางเพื่อไปขึ้นเครื่อง
และก็อาจไม่สามารถนำใบรับรองการฉีดยามา จึงจะมีผลให้ถูกไม่ยอมรับการขึ้นเครื่องบินได้
มีความกังวลว่าลูกค้าที่ไม่ได้ฉีดยาจะไม่สามารถเดินทางได้ แล้วก็บริษัทนำเที่ยวต้องทำการคืนเงิน ยังไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการจากรัฐบาล

บริษัทจากประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย

บริษัทนำเที่ยวไม่สามารถแจ้งลูกค้าได้ทันเรื่องการตรวจใบรับรองการฉีดวัคซีน เพราะเป็นการประกาศในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์รวมทั้งมีผลบังคับใช้ทันทีในวันจันทร์ที่ 9 ธ.ค.
ในส่วนลูกค้าที่ไม่ได้ฉีดยาแต่ซื้อแพกเกจทัวร์ไปแล้ว จากประกาศดังกล่าวทำให้ต้องยกเลิกแล้วก็คืนเงินลูกค้า ซึ่งทำให้เกิดความทรุดโทรมทางธุรกิจ

บริษัทนำเที่ยวประเทศเยอรมนี

เห็นว่าเป็นการออกเกณฑ์ดังกล่าว ก่อเรื่องและลดความเชื่อมั่นและมั่นใจทางการท่องเที่ยวอย่างมาก มีการยกเลิกจากลูกค้ากว่า 1,000 รูมไนท์ แล้ว หลังมีเรื่องการเปลี่ยนมาตรการดังกล่าว มาตรการดังกล่าวทำให้เกิดปัญหาระหว่างบริษัททัวร์รวมทั้งลูกค้า เพราะเหตุว่ามาตรการใหม่ของรัฐบาลไทยไม่เข้าข่ายที่นักท่องเที่ยวจะขอคืนเงินจากสายการบินเมื่อถูกไม่ยอมรับการเดินทาง

บริษัทนำเที่ยวประเทศฝรั่งเศส

ผู้ประกอบการนำเที่ยวมีความไม่พอใจ เนื่องจากระเบียบใหม่ถือว่าไม่เข้าข่ายการคืนเงิน ในกรณีที่ผู้โดยสารถูกไม่ยอมรับการเดินทางโดยสายการบิน
บริษัทนำเที่ยวประเทศฝรั่งเศสได้จะหาทางทำ Force Majeure ในการยกเลิกการเดินทางมาไทยเนื่องจากว่าความไม่มีเสถียรภาพของรัฐบาลไทย

บริษัทนำเที่ยวจากรัสเซียและก็กลุ่ม CIS

ผู้ประกอบการนำเที่ยวจากกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (อดีตสหภาพโซเวียต) ได้รับผลกระทบทางธุรกิจ เนื่องมาจากผู้ประกอบการจำนวนมากได้ทำสัญญาแบบเช่าเหมาลำล่วงหน้า ขณะที่ในกลุ่มนักท่องเที่ยวมีทั้งคนที่ได้รับวัคซีนครบและไม่ได้รับวัคซีนส่วนหนึ่ง เมื่อมีมาตรการดังกล่าวได้ก่อปัญหาต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยว ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการต้องการกฎเกณฑ์รวมทั้งหลักปฏิบัติที่เป็นเอกสารอย่างเป็นทางการ

นายอนุทิน

มาตรการที่ผ่านมา มีอะไรบ้าง

ผู้เดินทางต้องรับวัคซีนโควิดอย่างน้อย 2 เข็ม

หากประเทศต้นทางมีเงื่อนไขผลตรวจ RT-PCR เป็นลบก่อนกลับ ต้องซื้อประกันสุขภาพที่ครอบคลุมการตรวจรักษาโรคโควิด-19

หากมีอาการทางเดินหายใจให้เลื่อนเดินทาง

แนะนำให้ผู้เดินทางป้องกันตนเองตลอดระยะเวลาที่อยู่ในประเทศ เช่น สวมหน้ากากเมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะ/ขนส่งสาธารณะ ล้างมือบ่อย ๆ

หากมีอาการทางเดินหายใจ ให้ตรวจคัดกรองด้วย ATK และหากมีอาการป่วยรุนแรงขึ้นให้ไปตรวจรักษาที่สถานพยาบาล แนะนำให้พักในโรงแรม SHA+ สำหรับผู้ต้องการทำ RT-PCR ก่อนเดินทางกลับประเทศ

3 รัฐมนตรีต้อนรับ นทท. จีน เที่ยวบินแรก

เวลา 12.15 น. ของ 9 เดือนมกราคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีรวมทั้ง รัฐมนตรีว่าการสาธารณสุข พร้อมกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการคมนาคม
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการการท่องเที่ยวแล้วก็กีฬา จะให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณประชาชนจีน
ซึ่งเดินทางมาประเทศไทยที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หลังทางการจีนทยอยเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 8 เดือนมกราคม

สำหรับเที่ยวบินจากจีนที่รองนายกรัฐมนตรีและคณะจะให้การต้อนรับในคราวนี้ คือ เที่ยวบิน MF833 เดินทางมาจากเมืองเซี่ยเหมิน มีผู้โดยสารทั้งหมด 269 คน

ที่ผ่านมา นายอนุทินกล่าวว่า จากการประมาณการนักท่องเที่ยวจีนในไตรมาสแรกในเดือน เดือนมกราคม-มี.ค. 2566 มีประมาณ 3 แสนคน คิดเป็น 5% ของนักท่องเที่ยวทุกชาติรวมกัน

โดยคาดการณ์ถึงตัวเลขในแต่ละเดือน ได้แก่ เดือน ม.ค. 60,000 คน ก.พ. 90,000 คน รวมทั้ง มี.ค. 150,000 คน โดยจะเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะเหตุว่าเดี๋ยวนี้ยังมีเที่ยวบินจำกัด มีระยะเวลาในการขอทำหนังสือเดินทางแล้วก็การขอวีซ่า และรัฐบาลจีนยังไม่อนุญาตให้บริษัทนำเที่ยวนำกลุ่มทัวร์ออกนอกประเทศ ผู้เดินทางจะเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตนเองและก็เป็นกลุ่มนักเดินทางระดับบนที่มีกำลังซื้อ

ปีชง 2566

ปีชง 2566 พร้อมสถานที่และวิธีแก้ชงในกรุงเทพ เปลี่ยนปีชงให้เป็นปีชิล

ปีชง 2566 เริ่มศักราชใหม่ด้วยการไปทำบุญเพื่อเป็นมงคลกับชีวิต และขอพรให้ปีใหม่นี้เป็นอีกปีที่แฮปปี้ทั้งปี เริ่มด้วย ปีชง 2566 ซึ่งเป็นปีนักษัตร ปีเถาะ หรือ ปีกระต่าย มาดูกันว่า คนเกิดปีไหนต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ แล้วถ้าพวกเราเกิดปีชงพอดี จะต้องไป แก้ปีชงที่ไหน ? ควรจะแก้ปีชงตอนไหน ? แล้วก็ ทางแก้ปีชง ต้องทำยังไง ? ไปดู

ปีชง 2566

ชงตรง (100%) : ปีระกา

หรือคนที่เกิดตรงกับปี พ.ศ. 2476, 2488, 2500, 2512, 2524, 2536, 2548, 2560

ชงร่วม : ปีเถาะ, ปีชวด, ปีมะเมีย

หรือคนที่เกิดปี พ.ศ. 2467, 2470, 2473, 2479, 2482, 2485, 2491, 2494, 2497, 2503, 2506, 2509, 2515, 2518, 2521, 2527, 2530, 2533, 2539, 2542, 2545, 2551, 2554, 2557, 2563

ความหมายปีชงแบบต่างๆ
ปีชง คือ ปีที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด หรือที่เรียกกันว่า ชงโดยตรง (ชง 100%) อย่างเช่น ปีระกา ต้องระมัดระวังอาจมีเรื่องอะไรที่ทำให้มีอุปสรรค หรือมีการเปลี่ยนแบบเฉียบพลันทั้งในด้านดีและไม่ดี

ปีคัก คือ ปีที่เป็นปีนักษัตรเดียวกับปีนั้นๆอย่างเช่น ปีเถาะ ต้องระมัดระวังการเกิดเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ หรือมีอุปสรรคต่างๆทำให้ติดขัด

ปีเฮ้ง คือ ปีที่ได้รับผลกระทบในเรื่องเคราะห์กรรม ได้แก่ ปีชวด

ปีผั่ว คือ ปีที่ได้รับผลกระทบในเรื่องสุขภาพ เช่น ปีมะเมีย

ตามความเชื่อแบบจีน ปีชง หมายถึงปีที่มีการปะทะ หรือได้รับผลกระทบอะไรบางอย่าง ซึ่งคนที่เกิด ปีชงตรง 100% จะได้รับผลกระทบมากที่สุด ส่วนคนที่เกิดปีชงร่วมก็จะได้รับผลกระทบที่น้อยกว่า แต่ว่าอย่างไรก็ดี ไม่ว่าใครจะเกิดปีไหน เป็นปีชงหรือไม่ ก็ต้องดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวังและรอบคอบอยู่ตลอด คิดดีทำดี ก็จะมีผลดีกับชีวิตของตนเองตลอดปีตลอดไป

แก้ปีชง 2566

การแก้ปีชง

มาถึงตรงนี้ก็รู้กันไปแล้วว่าปีเกิดของตนนั้นเป็น ปีชง 2566 หรือไม่ และหากใครตรงกับปีชงพอดี ทั้งชงตรงและชงร่วม ก็น่าจะต้องการไปแก้ปีชงเพื่อความสบายใจ เปลี่ยนปีชงให้เป็นปีที่ชิล ทำอะไรก็ราบรื่นทั้งปี วิธีแก้ปีชง ก็ไม่ยากเลย ตามความเชื่อทางโหราศาสตร์ของจีน คนที่เกิดปีชงจำเป็นต้องไปแก้ชงด้วยการทำพิธีฝากดวงกับ องค์เทพไท้ส่วย หรือ เทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชะตา ซึ่งเป็นเทพผู้มีอิทธิพลต่อดวงชะตาและก็การดำรงชีวิตของคนในแต่ละปี ดังนั้นไม่ว่าใครจะเกิดปีไหน ก็สามารถไปไหว้ท่านเป็นการส่งเสริมดวงชะตาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เกิดปีชงก็จะเป็นการทุเลาเคราะห์กรรมให้เบาบางลงและแคล้วคลาดปลอดภัย

ควรจะแก้ปีชงตอนไหน ?

หลายคนที่เกิดปีชงของปีนั้นๆก็มักจะเกิดคำถามว่า ควรแก้ปีชงตอนไหน ? ทำได้ตั้งแต่หลังขึ้นปีใหม่เลยมั้ย ? ซึ่งโดยธรรมดาแล้วตามวัดจีนหรือศาลเจ้าที่สามารถทำพิธีแก้ปีชงได้จะมีชุดแก้ปีชงจำหน่ายให้ทำพิธีกันได้ตั้งแต่ต้นมกราคม แต่ว่าในช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการฝากดวงจริงๆแล้วจะอยู่ในช่วง หลังวันส่งเจ้าขึ้นสวรรค์ หรือ 7 วันก่อนถึงวันตรุษจีน ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่เข้าสู่ปีใหม่จีนอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นใครสะดวกช่วงไหนก็สามารถเดินทางไปประกอบพิธีแก้ปีชงกันได้ แนะนำว่าทำตั้งแต่ต้นปีจะดีที่สุด เพราะจะเป็นการช่วยขจัดดวงชะตาจากร้ายให้เปลี่ยนเป็นดี เพื่อความเฮงๆตลอดปีกันเลย

ปีชง 2566 มีหลายวิธีในการแก้

ลำดับแรกพวกเราจะต้องเดินทางไปยังวัดที่มีการทำพิธีแก้ปีชง โดยเข้าไปซื้อชุดสะเดาะเคราะห์แก้ปีชง แล้วทำตามขั้นตอนดังนี้

1. เขียนชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด ลงในใบแก้ชง
2. จุดธูป 3 ดอก เพื่อไหว้เทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ยะ พร้อมทั้งอธิษฐานขอพรให้พ้นเคราะห์ด้วยความตั้งใจ
3. นำใบแก้ชงมาปัดตัวออกตั้งแต่หัวจรดเท้า โดยปัดทั้งหมด 12 ครั้ง
4. นำใบแก้ชงไปไว้ที่กล่องรับฝาก ซึ่งทางวัดก็จะนำไปสวดทำพิธีต่อไป
5. ขั้นตอนสุดท้าย ปักธูป อีก 3 ดอก ก็เป็นอันเสร็จพิธี
สำหรับใครเดินทางไปแก้ปีชงได้ด้วยตัวเอง ก็สามารถให้ผู้อื่นแก้แทนได้ด้วย โดยผู้ที่แก้แทนไม่ต้องนำใบแก้ชงมาปัดตัว

รู้วิธีแก้ชงไปแล้ว โอกาสนี้ก็ได้เวลาไปทำบุญทำทานแก้ชงในสถานที่ที่มีการทำพิธีกันเลย ใครไปแก้ปีชงให้ถึงถิ่นเชื้อสายจีนแท้ๆแนะนำให้ไปแก้ปีชงที่มาเก๊า มีวัดที่เราสามารถไปทำพิธีแก้ปีชงพร้อมขอพรเพื่อความเป็นมงคล ส่วนใครไม่ได้ไปต่างประเทศ จะแก้ปีชงในบ้านเราก็ได้เหมือนกัน เราได้รวบรวมข้อมูลมาให้เรียบร้อย มีตรงไหนบ้างตามไปดูกัน

สถานที่ แก้ปีชง ในกรุงเทพฯ
วันหยุดสุดสัปดาห์ ได้เวลาประจวบเหมาะดีๆเดินทางไป แก้ปีชง 2566 ว่าแต่จะไป แก้ปีชงที่ไหน พี่เห็ดมี 4 สถานที่แก้ปีชงในกรุงเทพฯ มาฝาก ซึ่งมีหลายที่และอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล หยุดเสาร์-อาทิตย์ ก็สามารถพาครอบครัวออกไปแก้ปีชงได้ แถมยังได้เที่ยวไปในตัวด้วยนะ จะมีที่ไหนบ้าง

วัดมังกรกมลาวาส

1.วัดมังกรกมลาวาส หรือ วัดเล่งเน่ยยี่

วัดมังกรกมลาวาส หรือ วัดเล่งเน่ยยี่ เป็นวัดที่รู้จักกันดีในเรื่องของการสะเดาะเคราะห์แก้ปีชง ตั้งอยู่ในใจกลางกรุงเทพฯ ใกล้กับสำเพ็ง เยาวราช ซึ่งที่นี่มีองค์เทพเจ้าต่างๆหลายองค์ รวมทั้ง เทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ยะ ที่คนเกิดปีชงควรไปไหว้

เวลา เปิด-ปิด : เปิดทุกวัน จันทร์-ศุกร์ 08.00-16.00 น. / เสาร์-อาทิตย์ 08.00-17.00 น.
ที่ตั้ง : 423 ถนนเจริญกรุง แขวงป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100
การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT มาลงที่ สถานีวัดมังกร

วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์
2.วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์ หรือ วัดเล่งเน่ยยี่ 2

อีกหนึ่งวัดยอดนิยมในการแก้ปีชงก็คือที่ วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ หรือเรียกง่ายๆว่า วัดเล่งเน่ยยี่ 2 เป็นวัดที่ใหม่ที่มีพื้นที่กว้างขวาง ขนาด 12 ไร่เศษ จัดสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เนื่องในวโรกาสงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี พร้อมสถาปัตยกรรมแบบจีนที่สวยงามตระการตา เสมือนว่าได้วาร์ปไปเมืองจีนเลย ตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ อยู่ที่อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี วันหยุดสุดสัปดาห์ก็พาคุณพ่อคุณแม่ออกไปเที่ยวนนทบุรี พร้อมขอพรแก้ปีชงที่วัดนี้กันได้

เวลา เปิด-ปิด : 08.00-16.00 น.
ที่ตั้ง : 75 ถนนเทศบาลสาย 9 ตำบลโสนลอย อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี 11110
การเดินทาง : รถโดยสาร สาย 127,177 หรือ รถตู้สายบางบัวทอง-พระปิ่นเกล้า และรถตู้สายบางบัวทอง-พงษ์เพชร ลงบริเวณตลาดบางบัวทอง
รถส่วนตัว จากแคราย ใช้ถนนงามวงศ์วาน ตรงมาจนถึงแยกบางพลู เลี้ยวขวาเข้าเมืองบางบัวทอง แล้วหลังจากนั้นจะมีป้ายบอกเมื่อถึงวัด หรือ จากปิ่นเกล้า บางแค ใช้ถนนกาญจนาภิเษกตรงมาทางบางปะอิน ก่อนถึงสะพานข้ามคลองพระพิมลราชา ให้กลับรถใต้สะพานแล้วเลี้ยวเข้าซอยวัดพระแม่สกลสงเคราะห์ จะมีป้ายบอกทางวัด

วัดทิพยวารีวิหาร หรือ วัดกัมโล่วยี่

3. วัดทิพยวารีวิหาร หรือ วัดกัมโล่วยี่

วัดกัมโล่วยี่ เป็นอีกหนึ่งวัดในกรุงเทพฯที่สามารถไปแก้ปีชงได้ แถมคนยังไม่ค่อยเยอะท่าที่อื่นๆเป็นวัดจีนเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงธนบุรี ซึ่งที่นี่ก็มีเทพองค์สำคัญมากมาย การเดินทาง

ก็ง่ายๆ วัดอยู่ตรงข้ามกับห้างดิโอลด์ สยาม พลาซ่า ฝั่งบ้านหม้อ

เวลา เปิด-ปิด : 06-00-17.00 น.
ที่ตั้ง : 119 ซอยทิพยวารี ถนนตรีเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT มาลงที่สถานีสามยอด

วัดโพธิ์แมนคุณาราม

4. วัดโพธิ์แมนคุณาราม หรือ วัดโพวมิ้งป่ออึงยี่

หลายคนอาจยังไม่ค่อยรู้จักและยังไม่เคยไปวัดจีนในกรุงเทพฯที่นี้ นั่นก็คือ วัดโพธิ์แมนคุณาราม หรือ วัดโพวมิ้งป่ออึงยี่ ตั้งอยู่ใกล้กับห้าง เซ็นทรัล พระราม 3 เป็นวัดในพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน สังกัดคณะสงฆ์จีนนิกายแห่งประเทศไทย และเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่สามารถไปทำพิธีแก้ปีชงได้ ข้างในวัดมีสถาปัตยกรรมแบบจีนที่ยิ่งใหญ่และงาม ล้อมรอบไปด้วยตึกสูงๆในเมืองกรุง ดูแล้วก็สวยงามไปอีกแบบ หากอยากไปแก้ปีชงแบบหลบหลีกควันธูปและคนเยอะๆ

เวลา เปิด-ปิด : 07.00-18.00 น.

ที่ตั้ง : 323 ถนนสาธุประดิษฐ์ 19 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร 10120
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานีช่องนนทรี หรือ รถเมล์ สาย 22 , 35 , 62 และ 77